เป็นทุกข์เพราะภรรยา [ปุปผรัตตชาดก]

 
JANYAPINPARD
วันที่  3 ก.พ. 2552
หมายเลข  11092
อ่าน  1,666

[เล่มที่ 56] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 587

๗. ปุปผรัตตชาดก

เป็นทุกข์เพราะภรรยา ไม่ได้ผ้าย้อมดอกคำ

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นอากาสัฏฐเทวดา ครั้งนั้นในพระนครพาราณสี มีมหรสพกลางคืนวันเพ็ญกลางเดือน ๑๒ ผู้คนพากันตกแต่งบ้านเมืองสวยงามราวกับเทพนคร คนทั้งปวงมุ่งแต่จะเล่นมหรสพ แต่มีคนเข็ญใจผู้หนึ่งมีผ้าเนื้อแน่นอยู่คู่เดียวเท่านั้น เขาเอามาซักให้สะอาด ฟาดลงเลยขาดเป็นริ้วเป็นรอยนับร้อยนับพัน

ครั้งนั้นภรรยาพูดกะเขาว่า นาย ฉันอยากจะนุ่งผ้าย้อมดอกคำสักผืนหนึ่ง ห่มผืนหนึ่ง กอดคอท่านเที่ยวตลอดงานประจำราตรี เดือนกัตติกะ

เขากล่าวว่านางผู้เจริญ เราเข็ญใจ จะมีผ้าย้อมดอกคำได้ที่ไหน เธอจงนุ่งผ้าขาวเที่ยวเล่นเถิด นางกล่าวว่า เมื่อไม่ได้ผ้าย้อมดอกคำ ฉันจักไม่เล่นกีฬาในงานมหรสพละ เธอพาหญิงอื่นเล่นกีฬาเถิด เขากล่าวว่า นางผู้เจริญ ใยจึงคาดคั้นฉันนักเล่า เราจักได้ผ้าย้อมดอกคำมาจากไหน? นางกล่าวว่า เมื่อความปรารถนาของลูกผู้ชายมีอยู่ มีหรือจะชื่อว่าไม่สำเร็จ ดอกคำในไร่ดอกคำของพระราชามีมากมิใช่หรือ? เขากล่าวว่า นางผู้เจริญ ที่นั่นมีการป้องกันแข็งแรง เช่นเดียวกับโบกขรณีที่รากษสคุ้มครอง เรา ไม่อาจเข้าไปใกล้ได้ดอก เธออย่าชอบใจมันเลย จงยินดีตามที่ได้มาเท่านั้นเถิด นางกล่าวว่า นาย เมื่อความมืดในยามรัตติกาลมีอยู่ ขึ้นชื่อว่าสถานที่ที่ลูกผู้ชายจะไปไม่ได้ ไม่มีเลย เทวดาผู้เที่ยวไปในอากาศผู้หนึ่ง เห็นภัยในอนาคตของเขา ช่วยห้ามเขาไว้ เมื่อนางพูดเซ้าซี้อยู่บ่อยๆ อย่างนี้ เขาก็เชื่อถือถ้อยคำของนางด้วยอำนาจกิเลส ปลอบนางว่า นิ่งเสียเถิด นางผู้เจริญ อย่าคิดมากไปเลย ถึงเวลากลางคืน ก็เสี่ยงชีวิตออกจากพระนครไปสู่ไร่ดอกคำของหลวง ปีนรั้วเข้าไปในไร่ พวกคนเฝ้าไร่ได้ยินเสียงรั้ว ต่างร้องว่า ขโมย ขโมย แล้วล้อมจับได้ ช่วยกันด่า รุมกันซ้อม มัดไว้ ครั้นสว่างแล้ว ก็พาไปมอบพระราชา พระราชารับสั่งว่าไปเถิดพวกเจ้า จงเอามันไปเสียบเสียที่หลาว คนเหล่านั้นมัดเขาไพล่หลัง พาออกจากเมือง โดยมีคนตีกลองประกาศโทษประหารตามไปด้วย แล้วเอาไปเสียบที่หลาว เขาเสวยเวทนาแสนสาหัส ฝูงกาพากันไปเกาะที่ศีรษะ จิกนัยน์ตาด้วยจะงอยปากอันคมเหมือนปลายคีม เขาไม่ได้ใส่ใจทุกข์แม้จะสาหัสเพียงนั้น คิดถึงแต่หญิงนั้นถ่ายเดียว รำพึงว่า เราพลาดโอกาสจากงานประจำราตรีในเดือนกัตติกะกับนางผู้นุ่งผ้าย้อมด้วยดอกคำ ใช้แขนทั้งคู่โอบกอดรอบคอ คลอเคลียกัน แล้วกล่าวคาถานี้ความว่า

"ที่เราถูกหลาวเสียบนี้ ก็ไม่เป็นทุกข์ ที่ถูกกาจิกเล่า ก็ไม่ทุกข์ เราทุกข์อยู่แต่ว่า นาง ผิวทองจักไม่ได้นุ่งห่มผ้าย้อมดอกคำ เที่ยวงานประจำราตรีแห่งเดือนกัตติกะ" ดังนี้

เขาเอาแต่พร่ำเพ้อ บ่นถึงมาตุคามนั้น อยู่อย่างนี้เท่านั้นจนตายไปเกิดในนรก. พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า คู่สามีภรรยาในครั้งนั้น ได้มาเป็นคู่สามีภรรยาในครั้งนี้ ส่วนอากาสัฏฐเทวดา ผู้ยืนประกาศทำเหตุนั้นให้ประจักษ์ ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล

จบ อรรถกถาปุปผรัตตชาดกที่ ๗


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เซจาน้อย
วันที่ 13 ม.ค. 2554

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 7 เม.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ