เพราะไม่ยึดมั่นกิเลสมารและอภิสังขารมาร
[เล่มที่ 44] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ หน้าที่ 375
คำอันเป็นคาถานั้น มีอธิบายดังนี้ เพราะภิกษุผู้ขีณาสพผู้ทำลาย กิเลสโดยนัยดังกล่าวแล้ว ดับสนิทด้วยกิเลสปรินิพพานเพราะสิ้นตัณหา โดยประการทั้งปวง ไม่มีอุทาน คือ หมดอุปาทาน หรือเพราะไม่ยึดมั่น กิเลสมารและอภิสังขารมาร ภพใหม่จึงไม่มี คือไม่มีอุปปัตติภพโดยการ ปฏิสนธิต่อไป และภิกษุผู้เป็นอย่างนั้น ครอบงำมารเสียได้ คือ ในขณะ จริมกมรรค ครอบงำกิเลสมารอภิสังขารมาร และเทวบุตรมาร ในขณะจริมกจิต จิตดวงสุดท้าย ครอบงำขันธมาร และมัจจุมาร เสียได้ รวมความว่า ท่านครอบงำมารทั้ง ๕ เสียได้ คือให้พ่ายแพ้ ได้แก่ ทำให้หมดพยศด้วยการไม่ให้เงยศีรษะขึ้นได้อีก เพราะท่านชนะสงคราม ที่พวกมารทำให้เกิดในที่นั้นๆ ก็ด้วยประการอย่างนี้ ท่านชื่อว่าชนะสงคราม ชื่อว่า ผู้คงที่ คือ เป็นพระอรหันต์ เพราะถึงลักษณะของความ เป็นผู้คงที่เพราะไม่มีวิการในอารมณ์ทั้งปวงมีอิฏฐารมณ์เป็นต้น ชื่อว่า ก้าวล่วง คือ ก้าวล่วงด้วยดีซึ่งภพทั้งปวง คือ ภพแม้ทั้งหมดมีประเภท ตามกล่าวแล้ว ไม่จัดเข้าในที่ใดที่หนึ่ง โดยที่แท้เป็นผู้หาบัญญัติมิได้ เบื้องหน้าแต่ปรินิพพานไปเหมือนไฟหมดเชื้อ ฉะนั้น.