การบวชเป็นพระสมัยนี้ทำอะไรก็อาบัติง่าย
การบวชเป็นพระสมัยนี้ลำบากทำอะไรก็อาบัติง่าย ถ้าบวชเป็นสามเณรจะดีไหม
การออกบวชเป็นบรรพชิตเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเพราะต้องสละทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น สละทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ทั้งหมด ละญาติพี่น้อง ละความสะดวกสบาย ละความสุขอย่างคฤหัสถ์ทั้งหลาย เป็นต้น สิ่งที่ทำได้ยากต่อมาก็คือ การยินดียิ่งในการประพฤติพรหมจรรย์ ถ้าไม่มีอัธยาศัยของบรรพชิต ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เพราะต้องฝืนกับอัธยาศัยของตน
ฉะนั้น การยินดียิ่งในเนกขัมมะจึงเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะถ้าขาดปัญญาเห็นประโยชน์ของบรรพชาแล้ว ก็อยู่ไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ยากต่อมาก็คือ การเป็นบรรพชิตที่ดี มีการประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมก็เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ถ้าบวชเข้าไปแล้วไม่ประพฤติ ตามหลักธรรมคำสอนย่อมมีโทษมาก เท่ากับว่าเป็นผู้ที่ขาดความเคารพ ขาดความจริงใจต่อพระศาสดา พระธรรม พระสงฆ์ ขาดความตรงต่อตัวเองที่ว่า ปฏิญญาตนจะเป็นสมณะเชื้อสายพระศากยะบุตร แต่ไม่ประพฤติตามธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้
การบวชเป็นสามเณรคือ ผู้ที่ประสงค์จะประพฤติพรหมจรรย์ แต่มีอายุไม่ครบ ๒๐ จึงบวชเป็นสามเณร แต่ถ้าหากมีอายุเกิน ๒๐ ประสงค์จะบวชเป็นสามเณรก็ได้ แต่สามเณรต้องอยู่ในความปกครองของพระภิกษุ ถ้าได้อุปัชฌาหรืออาจารย์ที่ไม่ประพฤติธรรม เป็นผู้ทุศีล ก็ไม่ควรบวช เพราะจะทำให้เป็นสมณะทุศีล อลัชชี ย่อมมีอบายเป็นที่ไปเบื้องหน้า
อาบัติเป็นธรรมดาของภิกษุปุถุชน สามารถทำคืนได้ ท่านที่ประสงค์จะบวช ท่านมีเป้าหมายอย่างไรที่บวช
คำว่า "บวช" หมายความว่า การเว้นทั่ว คือ เว้นความชั่วทุกอย่าง ในครั้งพุทธกาลผู้ที่มีอัธยาศัยใหญ่ คือ เป็นผู้ขัดเกลาอย่างยิ่ง ก็ต้องบวช ให้สมกับคุณธรรมที่ได้สะสมมา เพราะมีปกติเห็นภัยในโทษแม้มีประมาณน้อย เป็นผู้สะสมมาในความไม่ประมาท ปัจจุบันแม้ผู้ไม่ได้บวชก็สามารถประพฤติธรรมได้