การแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ครั้งนั้น บรรดาผู้ครองแว่นแคว้นต่างๆ ทราบข่าวว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว ที่กรุงกุสินารา จึงส่งฑูตไปเจรจา ขอส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ จากพวกมัลละเมืองกุสินาราเพื่อนำไปสักการะบูชา ในแว่นแคว้นของตน แต่เหล่าเจ้ามัลลกษัตริย์ปฏิเสธ
พวกกษัตริย์และพราหมณ์เหล่านั้น รวม ๗ นครต่างพากันมายื่นคำขาดว่า จักให้พระบรมสารีริกธาตุ หรือจักรบแล้วตั้งทัพล้อมเมืองกุสินาราไว้
พวกเจ้ากุสินารา ตรัสว่า ธรรมดาว่า พระรัตนะทั้งหลาย ที่เสมอด้วยพุทธรัตนะไม่มีในโลก พร้อมทั้งเทวโลกก็พระรัตนะนั้น เกิดในเขตคามของพวกเราเราจักไม่ยอมให้ส่วนแบ่งแห่งพระบรมสารีริกธาตุนั้นแก่ผู้ใด
โทณพราหมณ์
ได้สดับเรื่องการวิวาทของกษัตริย์เหล่านั้นแล้ว ดำริว่า พวกเจ้าเหล่านี้ก่อวิวาทกันในสถานที่ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานเป็นการไม่ควร จำเราจักระงับการวิวาทนั้นเสีย
โทณพราหมณ์ จึงขึ้นไปยืนอยู่บนที่สูง แล้วกล่าวความว่า ดูก่อน ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ขอพวกท่านจงฟังคำของข้าพเจ้า
พระศาสดาของเราทั้งหลาย เป็นผู้กล่าวสรรเสริญขันติ การที่พวกท่านจะประหัตประหารกัน ด้วยเหตุแห่งพระบรมสารีริกธาตุของพระผู้มีพระภาคเจ้าซึ่งเป็นสิ่งอันควรแก่การสักการะอย่างสูงสุดเช่นนี้ ไม่ดีเลย พวกท่านทั้งหมด จงเกื้อกูลซึ่งกันและกันเถิด
คำกล่าวครั้งแรกของโทณพราหมณ์ ไม่มีผู้ใดสนใจ เพราะต่างก็กำลังถกเถียงกันว่า จะทำประการใด อาศัยที่ โทณพราหมณ์ เป็นอาจารย์ของเหล่ากษัตริย์และพราหมณ์ในภาคพื้นชมพูทวีปไม่มีผู้ใดจะไม่รู้จักตน จึงประกาศด้วยเสียงอันดังมากขึ้นอีกว่า พวกท่านจำเสียงของอาจารย์ท่านไม่ได้หรือ หากจำไม่ได้ขอทุกท่านจงพากันเงียบเสียง แล้วฟังวาจาที่ข้าพเจ้าจักกล่าวให้จงดี เหล่ากษัตริย์ทั้งปวงครั้นได้ยินเสียง จำได้ว่าเป็นเสียงของโทณพราหมณ์ผู้เป็นอาจารย์ของตน ต่างพากันสงบเสียงลงทันที โทณพราหมณ์กล่าวซ้ำความเดิมอีกเป็นครั้งที่สอง แล้วประกาศว่า
ขอเราทั้งหลายทั้งปวง จงยินยอมพร้อมใจ ยินดีแบ่งพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกเป็น ๘ ส่วนแล้วนำส่วนของตน กลับไปบรรจุไว้ในสถูป ยังแว่นแคว้นของท่านเถิดเพื่อพระบรมสารีริกธาตุ จะได้กระจายไปในทิศทั้งหลายเหล่าชนผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ยังมีอยู่มาก
ทูตเหล่านั้นกล่าวว่า ข้าแต่พราหมณ์ พวกข้าพเจ้าทั้งหลายยินยอมตามคำแนะนำของท่านถ้าเช่นนั้น ขอท่านนั้นแหละ จงแบ่งพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ออกเป็น ๘ ส่วนเท่าๆ กัน ให้เรียบร้อยเถิด
การแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ
โทณพราหมณ์ รับคำสั่งของกษัตริย์เหล่านั้นแล้วจัดการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ออกเป็น ๘ ส่วนเท่ากัน คือ
กษัตริย์แคว้นมคธ นำไปบรรจุสถูป และฉลองในเมืองราชคฤห์
กษัตริย์ลิจฉวี นำไปบรรจุสถูป และฉลองในเมืองเวสาลี
กษัตริย์ศากยะ นำไปบรรจุสถูป และฉลองในเมืองกบิลพัสดุ์
กษัตริย์ถูลี นำไปบรรจุสถูป และฉลองในเมือง อัลลกัปปะ
กษัตริย์โกลิยะ นำไปบรรจุสถูป และฉลองในเมืองรามคาม
กษัตริย์มัลละกุสินารา นำไปบรรจุสถูป และฉลองในเมืองกุสินารา
กษัตริย์มัลละปาวา นำไปบรรจุสถูป และฉลองในเมืองเวฏฐีปะ
กษัตริย์โมริยะ เมืองปิปผลิวัน ส่งทูตมาของส่วนแบ่งทีหลัง จึงได้แต่ พระอังคาร ได้สร้างสถูปบรรจุพระอังคาร และฉลองในเมืองปิปผลิวัน
ส่วน โทณพราหมณ์ ขอทะนานที่ตวงพระบรมสารีริกธาตุ กับฑูตเหล่านั้นเพื่อนำไปสร้างสถูป และฉลองในเมืองของตนเช่นกัน
อรรถกถากล่าวว่า
เมื่อพวกเจ้าเหล่านั้นยินยอม โทณพราหมณ์จึงสั่งให้เปิดรางทองพวกเจ้าทั้งหลาย มายืนที่รางทองนั้นต่างก็เห็นพระบรมสารีริกธาตุทั้งหลาย มีวรรณงามดั่งทองคำ
ต่างพากันรำพันว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สัพพัญญูแต่ก่อน ข้าพระองค์ทั้งหลายได้เห็นพระสรีระของพระองค์ มีฉวีดังทองคำบัดนี้ เหลือแต่เพียงเพียงพระบรมสารีริกธาตุ มีวรรณะดังทองคำเท่านั้น
ขณะที่กำลังแบ่งพระบรมสารีริกธาตุนั้น โทณพราหมณ์ รู้ว่าพวกเจ้าเหล่านั้นเผลอ จึงฉวยเอา พระเขี้ยวแก้วเบื้องขวา เก็บไว้ในระหว่างผ้าโพก
พระบรมสารีริกธาตุ ทั้งหมด รวม ๑๖ ทะนาน กษัตริย์แต่ละพระองค์ ได้ไป ๑๖ ทะนานพอดี
เมื่อโทณพราหมณ์ กำลังแบ่งพระธาตุอยู่ ท้าวสักกะจอมเทพ สำรวจดูว่า ใครหนอฉวยเอา พระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาของพระผู้มีพระภาคเจ้าไป ทรงเห็นว่า โทณพราหมณ์ เป็นผู้ฉวยเอาไปทรงดำริว่า แม้พราหมณ์ ก็ไม่อาจทำสักการะอันควรแก่ พระเขี้ยวแก้วเบื้องขวา ได้ จึงทรงถือ พระเขี้ยวแก้วเบื้องขวา ที่พราหมณ์ซ่อนไว้นั้น ออกจากระหว่างผ้าโพก แล้วบรรจุไว้ในผอบทองคำ นำไปยังเทวโลกประดิษฐานไว้ ณ พระจุฬามณีเจดีย์ ในเทวโลก
ฝ่ายโทณพราหมณ์ ครั้นแบ่งพระบรมธาตุแล้ว ไม่เห็นพระเขี้ยวแก้ว แต่เพราะตนฉวยเอามาด้วยกิริยาอันมิชอบ จึงไม่อาจแม้แต่จะถามว่าใครฉกเอาพระเขี้ยวแก้วของเราไป พราหมณ์คิดว่า เราจักขอทะนานทองคำ ที่ตวงพระบรมธาตุไปสร้างสถูป จึงทูลกษัตริย์เหล่านั้นว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลายโปรดประทาน ทะนานลูกนี้ แก่ข้าพเจ้าเถิด แล้วก็นำไปสร้างสถูปบรรจุ และทำการฉลองเช่นเดียวกัน
พระเจ้าอชาตศัตรู ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากกรุงกุสินารา มากลับมายัง กรุงราชคฤห์ ด้วยการบูชาอันยิ่งใหญ่เช่นเดียวกันกับกษัตริย์ แม้เหล่าอื่นก็อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปยังเมืองของตน แล้วสร้างพระสถูปไว้บูชา
ข้อความบางตอนจากหนังสือ "พระพุทธกิจ ๔๕ พรรษา" เรียบเรียงโดย คุณสุรีย์ และเรือโท วิเชียร มีผลกิจจัดพิมพ์และเผยแพร่โดย "คณะสหายธรรม"
ขออนุโมทนา