ระลึกถึงคนเสียชีวิต
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สิ่งใดที่เคยเห็น ได้ยิน..ก็ย่อมมีการจำ (สัญญา) ในสิ่งนั้น เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมก็ทำให้
นึกถึงในเรื่องที่เคยเห็น ได้ยินมาครับ แม้ความฝันก็คือการนึกถึงเรื่องราวที่เคย ได้ยิน
มานั่นเอง พระธรรมของพระพุทธจ้าจึงทรงแสดงความจริงว่าขณะใดคือสิ่งที่มีจริง ขณะ
ใดไม่ใช่ความจริง สิ่งที่มีจริงคือจิต เจตสิก รูป การนึกคิดเป็นจิต เป็นสิ่งที่มีจริง ส่วน
เรื่องราวที่คิดไม่มีจริงเลย ความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงจึงค้านกับชาวโลก และ
เมื่อเข้าใจความจริงว่ามีแต่สภาพธรรมที่คิดนึก เป็นต้น ก็อยู่ในโลกคนเดียว โลกของ
ความคิด ดังนั้น ประโยชน์ของการคิดถึงเรื่องนี้คือการเข้าใจว่าความจริงที่พระพุทธเจ้า
ทรงแสดงคืออะไรและการอุทิศส่วนกุศลไปห้คุณแม่เมื่อทำกุศลครับ ขออนุโมทนา
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ...ถามถึงเรื่องการทำบุญ อุทิศให้กับคนตาย อะไรคือสิ่งที่มีจริง และอะไรคือความคิดนึก เรื่องราวในชีวิตประจำวันไม่มีจริง!!!
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้าที่ 738
ชราสูตรที่ ๖
บุรุษย่อมสำคัญสิ่งใดว่า สิ่งนี้เป็นว่า
ของเรา จำต้องละสิ่งนั้นไป แม้เพราะความ ตาย บัณฑิตผู้นับถือพระพุทธเจ้าว่าเป็นของ เรา ทราบข้อนี้แล้ว ไม่พึงน้อมไปในความ เป็นผู้ถือว่าสิ่งนั้นๆ เป็นของเรา.
บุคคลผู้ตื่นขึ้นแล้ว ย่อมไม่เห็นอารมณ์ อันประจวบด้วยความฝัน แม้ฉันใดบุคคลย่อม ไม่เห็นบุคคลผู้ที่ตนรัก ผู้ทำกาละล่วงไปแล้ว แม้ฉันนั้น.
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
คนที่จากไปแล้ว เมื่อมีโอกาสที่ได้กระทำบุญใดๆ เราก็ควรอุทิศส่วนกุศลจากบุญที่เราได้กระทำแล้วไปให้เขาได้เกิดกุศลจิต อนุโมทนา ส่วนคนที่ยังอยู่ ก็ควรเป็นมิตรที่ดี มีเมตตาต่อกัน เกื้อกูลกันทุกด้านตามกำลัง โดยเฉพาะการเกื้อกูลกันให้เกิดความเข้าใจธรรมะ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าสิ่งใด พุทธศาสนิกชนที่ดี ควรที่จะได้ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ และน้อมนำพระธรรมนั้นมาประพฤติปฏิบัติตามครับ