เสน่ห์อินเดีย 1

 
kanchana.c
วันที่  25 ก.พ. 2552
หมายเลข  11346
อ่าน  3,070

เสน่ห์อินเดีย

โดย สาวิกา ศาสตรพงศ์

กลับจากอินเดียเมื่อวานนี้ (23 ก.พ. 2552) มาถึงบ้านประมาณสี่ทุ่มครึ่ง หมดแรงนอนสลบไป วันรุ่งขึ้นต้องทำงานบ้าน แล้วนอนพักอีกรอบ ตื่นมารดน้ำต้นไม้ ตอนเย็นลม พัดเย็นๆ เห็นดอกโมกฉัตรออกดอกขาวทั้งต้น ส่งกลิ่นหอมอบอวล รู้สึกมีความสุขมาก ที่ได้กลับมาอยู่บ้านที่คุ้นเคยอีกครั้ง หลังจากตะลอนๆ เที่ยวไปที่ต่างๆ ในอินเดีย เป็น เวลา ๘ วัน (ตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. – 23 ก.พ. 2552) กลับมาถึงบ้าน จึงรู้ว่าประเทศเรา แสนสบาย สะอาด อบอุ่น และคุ้นเคย แต่ทำไมเราถึงอยากไปอินเดีย ทั้งๆ ที่ไปมาแล้ว ๔ ครั้ง แต่ก็ยังอยากไปอีก เราก็รู้ว่าไปอินเดียลำบาก สกปรก ขอทานก็เยอะ ห้องน้ำก็ ไม่สะอาด ถนนหนทางก็ไม่ดี รถวิ่งได้ประมาณ 35 กม. ต่อชั่วโมง ฝุ่นก็เยอะ แต่ที่ทำให้ อยากไปอีก ก็เพราะอินเดียมีเสน่ห์ เนื่องจากมีสิ่งที่ทั้งโลกนี้ โลกไหนๆ และแม้แต่ใน สวรรค์ก็ไม่มี

นั่นคือ สังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่ง คือ สถานที่ประสูติ ที่ตรัสรู้ ที่แสดง ปฐมเทศนา และที่ปรินิพพาน รวมทั้งสถานที่ต่างๆ ที่มีรอยพระบาทของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสาวกเหยียบย่ำเพื่อเผยแพร่พระธรรม คำสั่งสอน ที่ทำให้ ผู้ปฏิบัติตามพ้นจากทุกข์ได้ เช่น พระคันธกุฎีบนเขาคิชฌกูฏ พระวิหารเวฬุวัน พระวิหารเชตวัน เป็นต้น เมื่อได้ไปกราบไหว้ด้วยศรัทธาแล้ว เกิดความปีติซาบซึ้งในพระ มหากรุณาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระปัญญาธิคุณ ทำให้จิตใจเบิกบาน ชุ่มชื่น ซึ่ง ความรู้สึกนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยเมื่อไปเที่ยวสถานที่อื่น การไปครั้งนี้ก็เหมือนกัน ก่อนไปก็ ชักท้อแท้ ไม่อยากจะไปเท่าไร นึกถึงความลำบากที่จะได้รับ

แต่ทำอย่างไรได้ ตกลงใจ ไปแล้วก็ต้องไป จัดกระเป๋าก็ลำบาก เพราะปีที่แล้วหนาวมาก ช่วงเวลาห่างกันไม่กี่วัน กับปีก่อน (ปลายมกรากับกลางกุมภา) อากาศไม่น่าจะต่างกันมาก เลยใส่เสื้อหนาวไป หลายตัว ทั้งตัวใหญ่ ตัวเล็ก ใส่นอน ใส่ข้างใน เผื่อไว้ เพราะถ้าหนาวแล้วจะไม่สบาย เผื่อไปเผื่อมา พร้อมกับสบงจีวร ย่าม ที่จะถวายพระ รวมทั้งประทีปที่นำไปเวียนเทียน ที่ให้ทุกท่านนำติดตัวไปเอง ก็ได้กระเป๋าใหญ่ 2 ใบ กระเป๋าเล็กอีก 2 ใบ (สำหรับ 2 คน ไม่ใช่คนเดียวค่ะ) เฮ้อ! เหนื่อยจริงๆ ทุกครั้งที่จัดกระเป๋าเตรียมเดินทาง ก็รู้สึกว่าโชคดี มาก ที่เวลาเปลี่ยนภพชาติแต่ละครั้งไม่ต้องมีการจัดเตรียมสิ่งของไปด้วย นอกจากบุญ และบาปเท่านั้นที่ติดตามไปได้ ถ้าต้องจัดเตรียมเป็นวัตถุของใช้ต่างๆ ก็คงเหนื่อย และ โกลาหลกันน่าดู


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
orawan.c
วันที่ 25 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เจิด
วันที่ 25 ก.พ. 2552

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 25 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
saifon.p
วันที่ 25 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาทุกท่านที่ได้ไปกราบสังเวชนียสถานด้วยจิตที่เคารพเลื่อมใส

สาธุ สาธุ สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
opanayigo
วันที่ 25 ก.พ. 2552

ความเห็นที่ 4

แร๊พโย่ ภารตะมากค่ะพี่ อ่านแล้ว กล้ามเนื้อใบหน้าทำงานบานออกไปด้านข้างทั้งสอง กราบอนุโมทนา

- ที่ห้องน้ำร้อนไหลค่ะ ร้อนถึงร้อนมาก ปรับบ่ได้ วิบากดีมีถังน้ำให้ผสมเอาเอง ตักอาบ ในอ่างได้บรรยากาศบ้านนอกเข้ากรุงดีค่ะ

- ประสบการณ์ห้องน้ำธรรมชาติครั้งแรกของการไปอินเดีย ระหว่างทางไปกุสินารา พอ รถจอดเล็งได้ที่ก็เดินหลบระเบิดไปมา ฝ่าดงเข้าไปได้มุมเหมาะ ว้าว ว้าว ว้าว มีซากอิฐ ก่อไว้ไม่เสร็จล้อมรอบดีๆ เล็งแล้วนั่ง ณ บัดนั้นสิ่งแหลมๆ ที่เรียกว่าหนาม ตำปุ๊เข้าให้ที เรียกว่า บั้นท้าย เจ้าค่ะ อือฮือ เอี้ยวหลังไปมอง ดงมัยราบค่ะ วิบากเกิดดับสลับกัน เจ็บจี๊ดๆ ๆ เหมือนถูกเข็มฉีดยา ทำให้เห็นว่าสุขทุกข์เป็นของคู่กัน ... แถมเจอ แขกมุงอีก ขบวนแห่หยุดดูพวกเราอย่างตั้งอกตั้งใจกันมาก อือฮือ ... อินเดีย กราบอนุโมทนา อ. อรรณพที่กรุณาเปิดเทปท่านอาจารย์สุจินต์ระหว่างทางทำให้จิตได้ ยินมากกว่าการกระเด้งกระดอน สุข ทุกข์เป็นของคู่กันค่ะ เบิกบาน อาจหาญ ร่าเริง แม้ จะโยกโคลง ก็แค่ตึงไหว :)

- ระหว่างเดินขึ้นบันไดที่บ่อน้ำร้อนตโปธารา ต้องหลบสิงห์พ่นน้ำ (ลาย) ยืนพ่นอยู่ตาม ขั้นบันได้ เหมือนได้ออกกำลังกาย ฝึกวิทยายุทธ์ในการหลบหลีก ทำให้ตื่นตัวตลอด เวลา บรรยากาศคล้ายงานสงการณ์บ้านเรา ดูชุ่มช่ำเบิกบานกันมาก :)

- ได้นั่งเกวียนไปนมัสการหลวงพ่อองค์ดำ พร้อมเด็กๆ วิ่งไล่เกวียนบ้าง เกาะแล้ววิ่งไป ด้วยทำให้เห็นความน่ากลัวของวัฎฎะและได้คำตอ (ในใจ) ว่า ทำไมอินเดียถึงได้แชมป์ วิ่งโอลิมปิค

โอโฮ .... เสน่ห์อินเดียนั่นมากมาย ถึงแม้วุ่นวาย ก็อยากไปอีก

สิ่งที่ได้เมื่อมาถึงบ้าน คือ ไม่ว่าจะไปเจอห้องน้ำในสภาพไหนเราก็ไม่บ่น เพราะมันยังเป็นห้องน้ำ ไม่ว่ารถจะติดขนาดไหน ก็ติดเป็นแถวยาววววเป็นระเบียบนิ่งสงบ ไม่ว่าจะร้อนขนาดไหน ก็มีน้ำสะอาดให้ดื่ม (ฝุ่นไม่ตลบ) ไม่ว่าจะแตกต่างกันขนาดไหน ทุกคนก็แค่ หิว ง่วง นอน ตื่น แล้วจะรู้ว่าแค่กินได้ นอนหลับ อาบน้ำสะอาด มีที่ให้ปลดทุกข์ ก็มีความสุขแล้ว :) โชคดีที่เกิดในแผ่นดินไทย ปกครองโดยในหลวงของเรา

ขอบพระคุณ "ทริปกระจกส่องใจ" (ตัวเอง) ทำให้รู้ว่าอะไรควรละ เมื่อธัมมะมาเตือน

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
กุลจิรา
วันที่ 25 ก.พ. 2552

เครียดๆ ขำๆ ก็เป็นธรรมะนะคะ

ท่านผู้อ่านที่เคารพ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pannipa.v
วันที่ 25 ก.พ. 2552

ลำบากแค่ไหน ก็จะไปอีก เพราะทุกครั้งที่ได้ไปอินเดียพร้อมท่าน อาจารย์ และสหายธรรมทุกท่าน จะรู้สึกปิติโสมนัสมาก ขออนุโมทนาในความอดทน และความช่วยเหลือเกื้อกูลของทุกท่านที่มีต่อกันนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
suwit02
วันที่ 25 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chamaikorn
วันที่ 26 ก.พ. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
sirijata
วันที่ 26 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

คุณสาวิกาและคุณวีรยุทธบรรยายได้สนุกและกินใจหลายท่านที่เคยไปจริงๆ ค่ะ เวลาจะ ไปอินเดียก็ไม่ได้อยากไปเท่าไร ไปแล้วก็ลำบากลำบน กลับมาก็เหนื่อยหรือไม่สบาย ไปนาน แต่แล้วก็ไปทุกที (ถ้ามีสตางค์) เพราะได้ไปกราบสังเวชนียสถาน เหมือนได้ เข้าไปอยู่ใกล้พระบรมศาสดา พระอรหันตสาวก และพระอริยเจ้า ได้ระลึกถึงพระคุณ ของพระรัตนตรัย ระลึกถึงปัจฉิมพุทธโอวาท ทำให้ไม่ประมาทในการเจริญสติ และ เจริญกุศลทุกเมื่อ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
khampan.a
วันที่ 27 ก.พ. 2552
ขออนุโมทนาด้วยครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
wannee.s
วันที่ 28 ก.พ. 2552

รู้สึกปิติและประทับใจที่อินเดียมาก ไปแล้วอยากไปอีก

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
pornpaon
วันที่ 28 ก.พ. 2552

รู้แล้วค่ะ ว่าทำไมใครๆ ก็ไปอินเดีย สถานที่อันยิ่งกว่ารัตนะที่เลิศที่สุดในโลกทั้งมวล ... ไปกราบนมัสการได้ที่อินเดียเท่านั้น ความแปลกความลำบากลำบนปนขบขัน ก็พบได้แต่ที่ในอินเดียเช่นกัน เครื่องมือวัดใจในวิริยะและขันติ ... ที่ใดจะเท่าในอินเดีย อาจรู้สึกเหมือนว่าลำบากทุกครั้งที่ไป แต่ความรู้สึกยินดีผ่องใสที่จะได้ไปเจริญกุศลคงมีมากมายกว่านั้น

ขออนุโมทนากับบุญกุศลของทุกท่าน

ขออนุโมทนาป้าแดงค่ะ

เรื่องเล่าแสนสนุกได้ข้อคิด อ่านแล้วไม่ผิดหวัง อยากจะแร็พ แบบท่านวีระยุทธ์บ้าง ก็กลัวจะออกไปทางเซิ้งกระติ้บ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านแทนก็แล้วกันนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
wirat.k
วันที่ 1 มี.ค. 2552

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ทั้งภาพให้ทั้งการบรรยาย ทำให้แม้คนที่ยังไม่มีโอกาสได้ไปได้ร่วมอนุโมทนาครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
choonj
วันที่ 2 มี.ค. 2552

ความเห็นที่ 6 อ่านแล้วสนุกดี แสดงว่าอาจหาญ ร่าเริง ตลอดการเดินทาง แล้วแร็พโย่ แปลว่าอะไรครับ เป็นศัพท์วัยรุ่นหรือเปล่า ขออนุโมทนาครับที่ไปพบอะไรก็เห็นเป็นธรรมไปหมด ไม่ว่าจะเป็น ระเบิด หนามตำ อินเดียมุง (ไม่ใช่มีแต่ไทยมุง) กระเด็นกระดอน (ตึงไหว) ฝุ่น ไวรัสที่มาตามลมจากระเบิด แถมยังได้ฝึกวิทยายุทธ์ (น่าจะเป็นท่าย่อธรณี) และได้นั่งเกวียนไม่เห็นบอกว่าสงสารหนึ่งกำลังเกวียนที่ต้องแบกพาไปตั้งหลายคน ผมมีความตั้งใจที่จะไปนมัสการหลวงพ่อดำเมื่อไปอินเดียครั้งที่แล้ว แต่ก็ไม่มีคนพาไปมีแต่บอกว่าจะไปแต่ไม่ได้ไป เล่ากันว่าหลวงพ่อดำนี่ศักดิ์สิทธิ์มากนะครับ ตอนที่ชาวมุสลิมเอาทหารมาหนึ่งกองร้อย ฆ่าพระและเผามหาวิทยาลัยนาลัยทาไป เป็นหมื่นรูป แต่หลวงพ่อดำไม่ถูกเผาทำลาย แล้วยังมีนักการเมืองไปขอหลวงพ่อดำให้มีตำแหน่งทางการเมืองแล้วได้จริงๆ ใครยากได้ตำแหน่งก็ไปขอได้เลย ไม่ทราบว่าไปพบหลวงพ่อดำแล้วเห็นเป็นธรรมหรือเปล่า ครับ เมื่อกลับมาเมืองไทยและหนักนิดเบาหน่อยก็ยังมีที่ ที่เลวกว่าแยะ ทำให้อยู่ง่ายตามมีตามได้ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
ING
วันที่ 5 มี.ค. 2552

อนุโมทนาสาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
อารยา
วันที่ 27 มี.ค. 2553

มีแต่บัณฑิตทั้งนั้น อยากไปด้วยจัง

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
อนุโมทนา
วันที่ 19 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน ที่ได้มีความอุตสาหะในการไปกราบนมัสการ ปูชนียสถาน เพราะฟังดูแล้วมีความลำบากในการไปอย่างมากๆ

ขออนุโมทนาด้วยจริงๆ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
phawinee
วันที่ 22 พ.ย. 2553

เป็นมหาศาลจริงๆ ขออนุโมทนากับท่านอาจารณ์สุจินต์และกัลญาณมิตรทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 2 เม.ย. 2554
ขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่าน
 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
phanrat
วันที่ 10 ส.ค. 2554

กลับมาอ่านเสน่ห์อินเดียอีกครั้ง ของ อ.กาญจนา ขออนุโมทนาที่ท่านทำให้รู้สึกถึงอารมณ์ขณะที่ได้อยู่อินเดีย และขออนุโมทนากับกุศลจิตที่เกิดขึ้นกับทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 20 ธ.ค. 2554
ขอขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
chatchai.k
วันที่ 9 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ