เสน่ห์อินเดีย 8 ถ้ำดงคสิริ
ถ้ำดงคสิริ
วันนี้ (๑๘ กพ. ๕๒) รับประทานอาหารเช้าตั้งแต่ ๖ โมงครึ่ง เพราะต้องเดินทางไปถ้ำดงคสิริเวลา ๗ โมงครึ่ง ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๕๐ นาที ระยะทาง ๑๘ กม.เพื่อกลับมาถวายสังฆทานที่สมาคมมหาโพธิ์ให้ทันเวลา ๑๐ โมง รถบัสออกเดินทางไปทางเดียวกับตัวเมืองคยา ผ่านบ้านที่อยู่ติดถนนหลังหนึ่งเห็นสาวแขกนุ่งสาหรีนั่งอาบแดดกินถั่วอยู่ ท่าทางมีความสุขมาก ตามถนนหนทางจะไม่เห็นผู้หญิงอินเดียขายของหรือทำกิจกรรมใดๆ เลย เป็นหน้าที่ของผู้ชายทั้งสิ้น ที่ร้านขายผ้าในเมือง ผู้ชายก็เป็นคนขาย มีผู้หญิงเป็นคนนั่งเลือกซื้อผ้า ได้ยินว่าประเพณีอินเดีย ผู้หญิงจะต้องเป็นฝ่ายเสียเงินสินสอดเพื่อขอผู้ชาย ถ้าผู้ชายคนนั้นมีการศึกษาและหน้าที่การงานดี สินสอดก็จะแพงขึ้น
พวกพ่อแม่จึงไม่ยินดีนักเมื่อได้ลูกสาว เพราะจะต้องเตรียมเก็บเงินไว้ขอลูกเขยมาเลี้ยงดูลูกสาวต่อไป แต่เมื่อแต่งงานกันแล้ว ผู้หญิงก็เป็นใหญ่ในบ้าน ที่เรียกว่า “มาตุคาม” ปล่อยให้ผู้ชายออกไปหาเงินมาเลี้ยงดู ในสมัยโบราณ ถ้าสามีตายลง ภรรยาก็ต้องฆ่าตัวตายด้วย เพราะไม่มีคนเลี้ยงดูถ้าไปทำมาหากินเองก็จะเสียขนบธรรมเนียมประเพณีไป อย่างเรื่องพระเวสสันดรชาดกที่ชูดกได้นางอมิตตดามาเป็นภรรยา นางได้ปรนนิบัติชูชกอย่างดี ไปตักน้ำ ทำกิจการต่างๆ ทำให้สามีของผู้หญิงคนอื่นนำไปเปรียบเทียบกับภรรยาของตน ภรรยาเหล่านั้นจึงพากันไปต่อว่านางอมิตตดา ชูชกจึงไปขอ ๒ กุมาร กัณหาและชาลีมาเพื่อเป็นข้าทาสรับใช้
อาจารย์เก็บรายละเอียดได้ดีมากจริงๆ อ่านแล้วพลอยเห็นภาพไปด้วย
ขออนุโมทนาค่ะ
ประเพณีสมัยโบราณสงสารผู้หญิงจังเลย ถ้าสามีตาย ก็ต้องกระโดดเข้ากองไฟ ตายตามไปด้วย สังสารวัฏฏ์นี้น่ากลัวและโหดร้ายจริงๆ (ทางเดียวคือไม่ประมาท)
เลือดที่หลั่งไหลจากการถูกตัดคอ (ในวัฏฏะสงสาร) มากกว่าน้ำในมหาสมุทร ครับ
ถ้าไม่ยอมตายตามสามีไปก็โดนรังเกียจ ไม่สามารถอยู่ในสังคมได้ แม่ม่ายที่อินเดียจึงน่าสงสารมาก สังสารวัฏฏ์นี้น่ากลัวและโหดร้ายจริงๆ (ทางเดียวคือไม่ประมาท) เห็นด้วยกับพี่วรรณีจริงๆ แต่ก็รู้ตัวว่า...เดี๋ยวสักพักก็คงหลงลืมอีก เพราะวันๆ หนึ่ง กุศลจิตเกิดได้ยากและน้อยกว่าอกุศลจิตมาก
ขออนุโมทนาคุณป้าแดง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ