เสน่ห์อินเดีย 12 ถ้ำดงคสิริ
ถ้ำดงคสิริ
ได้ขึ้นไปนมัสการสถานที่พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นเวลาถึง ๖ ปีเสียทีข้างบนยอดเขามีถ้ำเล็กๆ สองถ้ำ ถ้ำแรกเป็นถ้ำที่มีพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกขกิริยาเป็นถ้ำเล็กๆ แคบๆ เข้าไปกราบไม่กี่คนก็เต็มแล้ว อีกถ้ำหนึ่งมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ได้เห็นสถานที่ทรงบำเพ็ญทุกขกิริยาแล้ว ก็เห็นพระปณิธานอันแน่วแน่ของพระองค์ที่จะทรงแสวงหาพระสัมมาสัมโพธิญาณ ในมหาสีหนาทสูตร พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ แสดงว่า พระองค์ทรงทดลองหมดทุกอย่างที่นักบวชสมัยนั้นประพฤติปฏิบัติกัน ไม่ว่าจะทรมานพระองค์ด้วยประการต่างๆ เช่น สมณพราหมณ์บางพวกบอกว่า ความบริสุทธิ์มีได้ด้วยอาหาร ก็ทรงอดอาหารจนพระกายซูบซีด ซวนล้ม เมื่อลูบพระกาย พระโลมาซึ่งมีรากเน่าก็หลุดจากพระกาย แต่ก็ไม่ได้บรรลุธรรมอันยิ่งของมนุษย์ ทรงพบว่าไม่ใช่ทางสายกลาง หลังจากที่ทดลองปฏิบัติทุกวิธีนานถึง ๖ ปี อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในภายหลังที่ทรงคัดค้านการทรมานตัว
มหาสีหนาทสูตรนี้ สมเป็นการบันลือสีหนาทที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นการเปล่งพระวาจาอย่างอาจหาญเล่าความที่เคยทรงทดลองมาแล้วทุกอย่าง ตามที่เข้าใจกันว่า จะตรัสรู้ได้ แต่ก็ไม่สำเร็จ การค้านข้อปฏิบัติของสมณพราหมณ์ในครั้งนั้น จึงเป็นการค้านอย่างมีเหตุผลยิ่ง (จากพระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน ย่อความจากพระไตรปิฎกโดย สุชีพ ปุญญานุภาพ หน้า ๓๗๕ – ๓๗๘) เท่าที่ทราบ พระพุทธเจ้าไม่จำเป็นต้องทรงบำเพ็ญทุกขกิริยาทุกพระองค์ พระผู้มีพระภาคพระองค์นี้ทรงแสดงบุรพกรรมของพระองค์ว่า เราชื่อว่าโชติปาละ ได้กล่าวกะพระสุคตเจ้าพระนามว่า กัสสปะ ในกาลนั้นว่า จักมีโพธิมณฑลแต่ที่ไหน โพธิญาณท่านได้ยากอย่างยิ่ง ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราได้ประพฤติกรรมที่ทำได้ยากมาก (ทุกกรกิริยา) ที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคมตลอด ๖ ปี แต่นั้นจึงได้บรรลุโพธิญาณ แต่เราก็มิได้บรรลุโพธิญาณอันสูงสุดด้วยหนทางนี้ เราอันบุรพกรรมตักเตือนแล้ว จึงแสวงหาโพธิญาณโดยทางที่ผิด จะเห็นพระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณาอย่างยิ่ง ที่ทรงแสดงบุรพกรรมทุกอย่างของพระองค์ทั้งที่ดีและไม่ดี เพื่อให้พวกเราหนักแน่นในเรื่องกรรมและผลของกรรมมากขึ้น แม้พระองค์ในครั้งที่ยังไม่ทรงบรรลุเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังทรงทำอกุศลกรรม และทำให้ได้รับอกุศลวิบาก จึงไม่ควรประมาท ควรเจริญสติปัฏฐานใน ที่ทุกสถานและในกาลทุกเมื่อ
แต่จะเจริญสติปัฏฐานได้ก็ต้องมีความเข้าใจในขั้นของการฟังก่อน สรุปลงด้วยต้องฟังธรรมบ่อยๆ เนืองๆ จนกว่าเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้เกิดสติค่ะ จะเห็นว่าพระพุทธองค์ได้ทรงสะสมบารมีถึง ๔ อสงไขยแสนกัป และจะทรงตรัสรู้ในชาติสุดท้าย ก็ยังต้องทรงต้องแสวงหาหนทางอยู่หลายปีกว่าจะพบหนทางที่ถูกต้องแม้จะพบอุปสรรคมากมาย พระองค์ก็ทรงเพียรพยายามต่อสู้ ไม่ทรงท้อถอย พวกเราเป็นพุทธมามกะ ปฏิญาณตนว่ามีพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง แต่เมื่อทำอะไร มีอุปสรรคเล็กน้อย ก็ไม่ยึดพระองค์เป็นที่พึ่งตามที่ปฏิญาณเลย ท้อถอยไม่เพียรพยายามตามที่องค์พระศาสดาของเราทรงประพฤติปฏิบัติเป็นแบบอย่าง พระองค์ทรงปรารภความเพียร แต่พวกเราปรารภความสะดวกสบาย มุ่งแต่จะขอให้ได้สิ่งที่ต้องการแม้แต่การฟังธรรมที่พระองค์ทรงค้นพบมาด้วยความยากลำบากให้เข้าใจ ก็ย่อหย่อนเกียจคร้าน ผัดวันประกันพรุ่ง หาข้ออ้างในการไม่ฟังไปวันๆ แล้วอย่างนี้ยังจะเรียกตัวเองว่า “สาวิกา ผู้ฟัง” ด้วยความไม่ละอายใจอีกหรือ? (ถามตัวเองคนเดียวนะคะ)
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมพระสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงสละนิพพานสุข อันมีในที่ใกล้พระหัตถ์
เมื่อครั้งยังเป็นพระสุเมธโพธิสัตว์ ทรงบำเพ็ญบารมีอันกระทำได้ยาก
ทรงยอมเวียนว่ายในสังสารวัฎฎ์ ตลอดกาลนาน แสนนาน
เพียงเพื่อช่วยให้สัตว์ทั้งหลายได้บรรลุธรรมพ้นจากทุกข์ .
น้อมระลึกถึ่งพระมหากรุณาคุณของพระพุทธองค์ที่มีต่อสัตว์โลก สาธุ สาธุ สาธุ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุโมทนาค่ะ
รออ่านตอนต่อไปเช่นกันค่ะ
จะเห็นพระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณาอย่างยิ่ง ที่ทรงแสดงบุรพกรรมทุกอย่างของพระองค์ทั้งที่ดีและไม่ดี เพื่อให้พวกเราหนักแน่นในเรื่องกรรมและผลของกรรมมากขึ้น
ขออนุโมทนาค่ะ
นะโม ตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
อ่านต่อเชิญคลิกได้ครับ >>>>>> เสน่ห์อินเดีย 13