มานะ และ ความชรา - สุขุมาลสูตร

 
พุทธรักษา
วันที่  2 มี.ค. 2552
หมายเลข  11418
อ่าน  993

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำหรับเรื่องของมานะ ซึ่งเป็นความสำคัญตน ถือตน ยกตน ข่มผู้อื่น ท่านผู้ฟังจะเห็นได้ว่า เป็นได้ทั้งในชาติกำเนิด รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ วิชาความรู้ ลาภ ยศ ตระกูล สุข ทุกข์ ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร ก็ย่อมทำให้เกิด ความสำคัญตน ว่า เหนือผู้อื่น หรือ มีการเทียบเคียง ตน กับ บุคคลอื่นเสมอ ว่า เราเป็นอย่างนี้ เขาเป็นอย่างนั้น เป็นต้น

เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นผู้มีปกติ อบรม เจริญสติปัฏฐานก็จะรู้ได้ ว่า มานะ จะลดลงไปได้ เมื่อได้รู้ความจริง ว่า ไม่มีตัวตน มีแต่สภาพธรรม ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

ขอกล่าวถึงข้อความ ใน อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต สุขุมาลสูตร ข้อ ๔๗๘ มีข้อความว่า

"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เรา เป็นผู้ไม่มีทุกข์ ไม่มีทุกข์ อย่างยิ่ง ไม่มีทุกข์ โดยส่วนเดียวได้ยินว่า พระชนกรับสั่งให้ขุดสระโบกขรณีไว้เพื่อเรา ภายในนิเวศน์ ให้ปลูกอุบลไว้ สระหนึ่ง ปทุมไว้ สระหนึ่งบุณฑริก ไว้สระหนึ่ง เพื่อประโยชน์แก่เรา แต่ เราไม่ได้ใช้ไม้จันทน์เมืองกาสี เท่านั้น ผ้าโพก ผ้าเสื้อ ผ้านุ่ง ผ้าห่ม ของเราล้วนเกิด ในเมืองกาสี มีคนคอยกั้นเศวตฉัตรให้เรา ตลอดคืน ตลอดวัน ด้วยหวังว่า หนาว ร้อน ธุลี หญ้า หรือ น้ำค้างอย่าเบียดเบียน พระองค์ท่านได้"

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรามีปราสาท ๓ หลัง ปราสาทหนึ่ง เป็นที่อยู่ ในฤดูหนาว ปราสาทหนึ่ง เป็นที่อยู่ในฤดูร้อน ปราสาทหนึ่ง เป็นที่อยู่ในฤดูฝน เรานั้นแล ถูกบำเรอ ด้วยดนตรี ซึ่ง ไม่มีบุรุษปน ตลอด ๔ เดือน ในฤดูฝนบนปราสาท อันเป็นที่อยู่ในฤดูฝน มิได้ลงมาข้างล่าง ของปราสาทเลย"

"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เรานั้น ประกอบด้วยความสำเร็จ เห็นปานนี้ เป็นสุขุมาลชาติอย่างยิ่ง ก็ยังคิดเห็นดังนี้ ว่า ปุถุชน ผู้ยังไม่ได้สดับ เมื่อตน มีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้เห็นคนอื่นแก่ ก็ล่วงตนเองเสีย แล้วอึดอัด ระอา รังเกียจ ไม่คิดว่า แม้เราก็เป็นผู้มีความแก่ ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้"

นี่เป็นปกติประจำวันหรือเปล่าคะ เห็นคนแก่นี่ เป็นปกติไหมคะ

สติเคยระลึกรู้ไหม ในขณะที่เห็นคนแก่ ว่านามธรรมที่เคยยึดถือว่า เป็นท่านในขณะนั้นน่ะเป็นสภาพธรรม อย่างไร

สำหรับท่านที่เป็นปุถุชน ผู้ยังไม่ได้สดับเมื่อตนเป็นผู้มีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้เห็นคนอื่นแก่ ก็ล่วงตนเองเสีย แล้วอึดอัด ระอา รังเกียจไม่คิดว่า แม้เราก็เป็นผู้มีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้

บางคน ไม่ชอบเลย เมื่อเห็นคนแก่ ถึงกับรำคาญความแก่ของคนอื่น ก็เป็นไปได้ ใช่ไหม ว่า ทำไมช้า ทำไมไม่ทันใจ ทำไมไม่เรียบร้อย ทำไมเลอะเทอะ บางท่านอาจจะมีความคิดอย่างนี้ โดยลืมเสียแล้ว ว่า ทุกท่าน เป็นผู้ที่จะต้องมีความแก่ เป็นธรรมดา มองเห็นคนอื่น ที่แก่ ก็เหมือนกับ ตัวท่านเอง ที่จะต้องเป็นอย่างนี้แน่นอน ในวันหนึ่งข้างหน้า

บางท่านเคยอึดอัด เคยรังเกียจ เคยระอาในความแก่ของคนอื่น โดยไม่ได้คำนึงถึงความเป็นสาธารณะทั่วไป แก่คนทั้งหลาย ที่เกิดมาแล้ว ก็ต้องมีความแก่เป็นธรรมดา

เพราะฉะนั้น ถ้าสติไม่เกิด ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏในขณะนั้นมีความรังเกียจ ความอึดอัด ความระอา ในความแก่ของคนอื่น ซึ่ง เป็นเขาที่แก่ มีความเป็นเขา มีความเป็นเรา เพราะว่า ไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง

แต่จิตใจจะอ่อนโยนขึ้นได้ ถ้าสติเกิด แล้วเห็น "ความเป็นธรรมดา" ว่า ท่านเอง ก็จะต้องเป็นอย่างนั้น ไม่ต่างกันเลย ช้าหรือเร็วเท่านั้น

เพราะฉะนั้น ถ้าสติเกิด มีการระลึกรู้ "ความจริง" ที่ว่าทุกคนเหมือนกัน โดยความเป็นนามธรรม และ รูปธรรม ซึ่งเกิดมาแล้ว ก็ต้องแก่เป็นธรรมดา เหมือนกันทุกคน

เพราะฉะนั้น เรื่องของการเป็นผู้มีสติท่านอาจจะระลึกถึงความแก่ ซึ่งเป็นธรรมดาสำหรับทุกคนแล้วจิตใจอ่อนโยน เมื่อสติเกิด ระลึกรู้ลักษณะของจิตใจที่อ่อนโยนนั้นแล้วรู้ว่า ไม่ใช่ตัวตน หรือว่า ในขณะที่ท่านกำลังมีความรังเกียจ อึดอัด ระอา ฯลฯ สติระลึกได้ว่า ขณะนั้นเป็นสภาพธรรม เกิดเพราะมีเหตุปัจจัย ตามความเป็นจริง ของสภาพธรรมนั้นๆ ว่า เป็นอกุศลธรรม ที่ยังไม่ได้ดับเป็นสมุจเฉท

เพราะฉะนั้น ก็ควรที่จะมีสติระลึกรู้ลักษณะ "สภาพธรรมที่สาธารณะทั่วไปกับทุกคน" เพื่อละคลาย อกุศลธรรมและควรที่สติจะเกิด ระลึกรู้สภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ ในขณะนั้น ตามความเป็นจริงด้วย

แนวทางเจริญวิปัสสนาบรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ถอดเทปโดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล

ขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
จำแนกไว้ดีจ๊ะ
วันที่ 3 มี.ค. 2552
ร่างกายชรา แต่ปัญญาเจริญขึ้น
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
opanayigo
วันที่ 3 มี.ค. 2552

การผิดหวังเป็นการลดมานะ

การสมหวังเป็นการเพิ่มมานะ

เมื่อใดมีความพร้อมด้วยเงินทอง บริวาร การยกย่องจากผู้อื่นเมื่อนั้นมานะฉวยโอกาสงอกเงยออกมา

เมื่อใดไร้ซึ่งพัธนาการใดๆ จะสงบเสงี่ยมเจียมตนเป็นอย่างยิ่ง

(ตามประสบการณ์ที่เกิดปรากฎกับตัวเองในชีวิตปกตินะคะ)

ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 3 มี.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
สุภาพร
วันที่ 3 มี.ค. 2552

ความเป็นสาธารณะทั่วไป แก่คนทั้งหลาย

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
sopidrumpai
วันที่ 3 มี.ค. 2552
อนุโมทนาค่ะ...มาเป็นคนแรกเลยเรา ^_^
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
hadezz
วันที่ 3 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
saifon.p
วันที่ 4 มี.ค. 2552

เริ่มแก่เริ่มคิดได้บ้าง เมื่อไหร่ที่คิดได้จิตใจก็อ่อนโยนจริงๆ ค่ะแต่ไม่ระลึกรู้ลักษณของจิตใจที่อ่อนโยนนั้นว่า ไม่ใช่ตัวตน กระทู้ที่ท่านนำมาลงมีประโยชน์มากค่ะ

กราบอนุโมทนานะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
paderm
วันที่ 4 มี.ค. 2552
ขออนุโมทนาด้วยเช่นกันครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ