มารนิรมิตเพศเป็นพระยางู [สัปปสูตร]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 17
๖. สัปปสูตร มารนิรมิตเพศเป็นพระยางู [๔๓๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :- สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ อยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันอันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต กรุงราชคฤห์. สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ประทับนั่งกลางแจ้งในราตรีอันมืดสนิททั้งฝนก็ลงเม็ดประปรายอยู่. [๔๓๒] ครั้งนั้น มารผู้มีบาปประสงค์จะให้เกิดความกลัว ความครั้นคร้าม ขนลุกขนพองแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงนิรมิตเพศเป็นพระยางูใหญ่เข้าไปใกล้พระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ กายของพระยางูนั้นเป็นเหมือนเรือลำใหญ่ที่ขุดด้วยซุงทั้งต้น พังพานของมันเป็นเหมือนเสื่อลำแพนผืนใหญ่สำหรับ ปูตากแป้งของนักผลิตสุรา นัยน์ตาของมันเป็นเหมือนถาดสำริดขนาดใหญ่ของพระเจ้าโกศล ลิ้นของมันแลบออกจากปากเหมือนสายฟ้าแลบ ขณะเมฆกำลังกระหึ่ม เสียงหายใจเข้าออกของมัน เหมือนเสียงสูบช่างทองที่กำลังพ่นลมอยู่ฉะนั้น. [๔๓๓] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่า นี่มารผู้มีบาปดังนี้ จึงได้ตรัสกะมารผู้มีบาปด้วยพระคาถาทั้งหลายว่า มุนีใดเสพเรือนว่างเปล่าเพื่ออยู่อาศัย มุนีนั้นสำรวมตนแล้ว สละความอาลัยใน อัตภาพนั้นเที่ยวไป เพราะการสละความ อาลัยในอัตภาพแล้วเที่ยวไปนั้น เหมาะสม แก่มุนีเช่นนั้น. สัตว์ที่สัญจรไปมาก็มาก สิ่งที่น่ากลัว ก็มา อนึ่ง เหลือบยุง และสัตว์เลื้อยคลาน ก็ชุกชุม (แต่) มหามุนีผู้อยู่ในเรือนว่าง- เปล่า ย่อมไม่ทำแม้แต่ขนให้ไหว เพราะ สิ่งที่น่ากลัวเหล่านั้น. ถึงแม้ท้องฟ้าจะแตก แผ่นดินจะไหว สัตว์ทั้งหลายพึงสะดุ้งกลัวกันหมดก็ตามที แม้ถึงว่าหอกจะจ่ออยู่ที่อกก็ตามเถิด พระ- พุทธเจ้าทั้งหลายย่อมไม่ทรงป้องกันเพราะ อุปธิ (คือขันธ์) ทั้งหลาย. ครั้งนั้น มารผู้มีบาป เป็นทุกข์เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรู้จักเรา พระสุคตทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นเอง.