ท่านผู้ฟังถามว่า...ทำยังไงจะหายเมาในความเป็นหนุ่มสาวได้
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ท่านผู้ฟัง ตอนเป็นหนุ่มสาว ทำยังไงจะหายเมาได้ล่ะครับที่จะทำให้จิตใจเรา ไม่เมาจนเกินไป
ท่านอาจารย์ เจริญสติ ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเป็นหนทางเดียว ถ้ารู้ตัวว่า เมา ก็ยังดีกว่าไม่รู้ ขณะใด ที่หลงลืมสติ ขณะนั้นก็ "เมา" แล้ว เมาจริงๆ เมา ในความเป็นหนุ่มสาว เมา ในความไม่มีโรคเมา ในชีวิตซึ่งยังไม่ตาย แต่ต้องตายแน่ๆ
เพราะฉะนั้น วันนี้ เมาแล้วแค่ไหน คิดเป็นวันๆ ก็ได้นี่คะตั้งแต่เช้ามาจนถึงเดี๋ยวนี้ เมานับไม่ถ้วนแล้วค่ะต่อไป บ่ายถึงเย็น ก็ยังเมาอยู่อีกแล้วพรุ่งนี้ ก็เหมือนวันนี้ ทุกวัน ถ้าสติไม่เกิด ไม่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม คือ นามธรรม และ รูปธรรมก็ไม่มีหนทาง ที่จะสร่างเมาได้ เป็นสมุจเฉท
แต่ข้อสำคัญ อย่าลืม ว่าความรู้ หรือ ปัญญา ต้องเกิดขึ้น จึงจะดับกิเลสได้ หลายท่าน พยายามที่จะละคลายกิเลส โดยไม่รู้ ไม่อบรมความรู้ ในลักษณะของนามธรรม และรูปธรรมถ้าเป็นโดยลักษณะนี้ ไม่มีทางดับกิเลสได้ โดยที่ยังเป็นตัวตน คือ เป็นเรา เป็นตัวของเรา ที่มีความสามารถ ที่จะละคลายกิเลสได้ เพราะว่า กิเลสละเอียดมาก และ ลึกมากถ้ายังมีความเห็นผิดในสภาพธรรม แม้แต่ในสติ ที่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏโดยยึดถือ ว่า เป็นเราต่างหากที่รู้ เรา เป็นผู้ที่ใช้สติ
โดยนัยนี้ ไม่สามารถที่จะดับ ความยึดถือสภาพธรรม ว่าเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล ให้หมดไปเสียได้ และเมื่อเมาแล้ว ก็ย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดมานะคือ เป็นผู้มีความสำคัญตน เช่น บุคคลนั้น เป็นอย่างนั้น แต่ตัวท่านไม่ได้เป็นอย่างนั้น
ข้อความในพระสูตร จะเป็นเครื่องเตือนใจ ให้ท่านผู้ฟัง ได้ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ตามปกติ ตามความเป็นจริง ในชีวิตประจำวัน ซึ่งควรอย่างยิ่ง ที่จะระลึกถึงความจริง ที่เกิดขึ้นทั้งกับตัวท่าน และ บุคคลทั้งหลาย เพื่อที่จะได้ไม่หลงลืมสติและมีความเพียร ด้วยการ ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ บ่อยๆ เนืองๆ
แนวทางเจริญวิปัสสนาบรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ถอดเทปโดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล
ขออนุโมทนา
ตอนนี้...ก็ยังเมาเป็นพักๆ ค่ะ
โชคดีที่รู้สึกตัว..และก็ยังสังเกตว่า...ความชราก็ปรากฏให้เห็นมาก
แต่....ยังไม่หายเมาค่ะ
คงต้องพยายามกันต่อไป
ขอสนทนาธรรมกับคุณ จำแนกไว้ดีจ๊ะ นะคะ
ท่านอาจารย์ เจริญสติ ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเป็นหนทางเดียวค่ะ ถ้ารู้ตัวว่า เมา ก็ยังดีกว่าไม่รู้ ขณะใด ที่หลงลืมสติ ขณะนั้นก็ "เมา" แล้ว
เป็นคำตอบที่ท่านอาจารย์อธิบายไว้ชัดเจนค่ะ
(ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ไม่หลงลืมสติ คือ ขณะที่สติเกิดระลึกทันทีตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เช่น เห็นขณะนี้ มีลักษณะอย่างไร ไม่ใช่ขณะอื่น
รู้ว่าชอบมาหลายกัป ไม่ใช่ขณะนี้ ที่อาจจะเป็นเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ...คิดนึก ทางตาก็ต้องรู้ ลักษณะของรูปารมณ์หรือได้ยินทางหู รู้ลักษณะของเสียง เป็นต้นแล้วแต่เหตุปัจจัย ว่า สติจะเกิดและระลึก ตรงลักษณะ ของนามธรรม หรือ รูปธรรมในขณะนั้น เพราะ ถ้าสติไม่เกิด หลงลืมสติท่านอาจารย์เคยเตือนว่า อยู่คนเดียวกับความคิด
จุดประสงค์ของการรู้ขณะนี้เพื่อค่อยๆ คลายความสงสัย และความเห็นผิด ที่ปกติเคยยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล เรา เขา เช่น การเห็น ก็เป็นเพียงนามธรรม จึงไม่ใช่เราสีสัน วัณณะ ก็เป็นรูปธรรม ก็ไม่ใช่เรา เป็นต้น ค่อยๆ ระลึก บ่อยๆ เนืองๆ จนกว่าจะรู้ชัดมากขึ้นๆ จนในที่สุดก็ละความเห็นผิดในสภาพธรรม
โดยประจักษ์ลักษณะที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของสภาพธรรมที่ปรากฏในขณะนี้ บรรลุเป็นพระโสดาบัน เมื่อเหตุสมคววรแก่ผลนั่นเอง
ขออนุโมทนาค่ะ