ได้ยินข้อความสำคัญมาก

 
pairojj
วันที่  4 มี.ค. 2552
หมายเลข  11489
อ่าน  1,040

ได้ยินข้อความสำคัญมาก ว่า ทุกขลักษณะหมายถึงการเกิดขึ้น แล้วก็ดับไปของนามธรรมแต่ละชนิด รูปธรรมแต่ละชนิด กำลังเห็นในขณะนี้เป็นทุกข์ เพราะเกิดดับ การได้ยินเป็นทุกข์ เพราะเกิดดับ นี้คือ "นี้ทุกข์" ไม่ใช่ทุกข์อื่น เพราะฉะนั้นให้ทราบว่า"นี้ทุกข์" ที่พระผู้มีพระภาคตรัสนั้น ไม่ใช่ขณะอื่น ไม่ใช่เรื่องอื่น แต่เป็นสภาพธรรมตามปกติที่กำลังปรากฎในขณะนี้ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ แม้แต่พระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "นี้สมุทัย" ก็ไม่ใช่ขณะอื่น ขณะที่แฝงอยู่ ขณะที่ยินดีพอใจ ในนามธรรม ในรูปธรรม หรือ ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฎ-ฐัพพะตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัยนั่นคือ "นี้สมุทัย" ตราบใดที่ยังมีอยู่สังสารวัฏฏ์ดับไม่ได้ ถ้ายังมีความยินดีพอใจ ยึดถือนามธรรมและรูปธรรม ไม่ประจักษ์ว่าเป็นแต่เพียงสภาพธรรมแต่ละชนิดที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป ถ้ายังไม่ประ-จักษ์อย่างนี้ให้ทราบได้ว่า "นี้สมุทัย" ยังมีอยู่ ยังทำให้เป็นสังสารวัฏฏ์เกิดดับสืบต่อวนเวียนไปเพราะเหตุว่ายังไม่ได้ดับสมุทัยเป็นสมุจเฉทเป็นลำดับขั้น แต่สมุทัยที่ต้องดับก่อนก็คือ สมุทัยที่เกิดร่วมกับความเห็นผิด ที่ยึดนามธรรม รูปธรรม เป็นตัวตน เป็นสัตว์บุคคล ถ้าท่านจะพิจารณาพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า "นี้ทุกขนิโรธ" "นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา" ถ้าท่านเป็นผู้ระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมจริงๆ เพิ่มความรู้ขึ้น ก็จะรู้ได้ว่า การเพิ่มความรู้นี้เอง เป็นหนทางที่จะละความไม่รู้ที่จะถึงทุกขนิโรธ ไม่ใช่หนทางอื่น ขณะใดที่สติเกิดขึ้นระลึกรู้ในลักษณะที่เป็นนามธรรม ซึ่งมีลักษณะจริงๆ ปรากฎ ในลักษณะของรูปธรรม ที่มีลักษณะจริงๆ ปรากฎขณะนั้นเป็นการอบรมเจริญปัญญาที่จะให้ปัญญาสมบูรณ์ เป็นความรู้ที่ประจักษ์แทงตลอดในลักษณะของทุกข์คือนามธรรมและรูปธรรม ที่เกิดดับแล้ว จึงจะละการยึดถือถึงทุกขนิโรธ ซึ่งเป็นการรู้แจ้งในนิพพานได้ ข้อความต่อไปมีว่า พระสุคตเจ้าผู้ศาสดาครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า ชนเหล่าใดไม่รู้ทุกข์ เหตุเกิดแห่งทุกข์ ธรรมชาติเป็นที่ดับทุกข์ไม่มีส่วนเหลือโดยประการทั้งปวง และไม่รู้มรรคอันให้ถึงความเข้าไประงับทุกข์ ชนเหล่านั้นเสื่อมแล้วจากเจโตวิมุติและปัญญาวิมุติ เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ เป็นผู้เข้าถึงชาติชราแท้ ส่วนชนเหล่าใด

รู้ทุกข์ เหตุเกิดแห่งทุกข์ ธรรมชาติเป็นที่ดับทุกข์ไม่มีส่วนเหลือโดยประการทั้งปวงแล้ว รู้มรรคอันให้ถึงความเข้าไประงับทุกข์ ชนเหล่านั้นถึงพร้อมแล้วด้วยเจโตวิมุติและปัญญาวิมุติ เป็นผู้ควรที่จะทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ และเป็นผู้ไม่เข้าถึงชาติชราฯ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 4 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
suwit02
วันที่ 4 มี.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
saifon.p
วันที่ 4 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 4 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 4 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
สุภาพร
วันที่ 5 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
จำแนกไว้ดีจ๊ะ
วันที่ 5 มี.ค. 2552
....การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า "นี้ทุกขนิโรธ" "นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา" ถ้าท่านเป็นผู้ระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมจริงๆ เพิ่มความรู้ขึ้นก็จะรู้ได้ว่า การเพิ่มความรู้นี้เอง เป็นหนทางที่จะละความไม่รู้ที่จะถึงทุกขนิโรธไม่ใช่หนทางอื่น.... ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
opanayigo
วันที่ 5 มี.ค. 2552

นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรตั้งอยู่ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับไป

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornpaon
วันที่ 5 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
khampan.a
วันที่ 5 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
wannee.s
วันที่ 7 มี.ค. 2552

ทุกขณะเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่เราก็ไม่รู้เพราะว่าอวิชชาปิดบัง ทำให้ไม่เห็น

สภาพธรรมตามความเป็นจริง ต้องเจริญความรู้เพื่อละความไม่รู้ ด้วยการฟังธรรมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
captpok
วันที่ 7 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
คุณ
วันที่ 7 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค๋ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ