เสน่ห์อินเดีย 14 กราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุที่สมาคมมหาโพธิ พุทธคยา
กราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุที่สมาคมมหาโพธิ พุทธคยา
เมื่อรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ท่านอาจารย์ให้โอกาสสนทนาธรรมเป็นภาษาไทยที่โรงแรม Royal Residency และอีกกลุ่มหนึ่ง สนทนาธรรมเป็นภาษาอังกฤษที่สมาคมมหาโพธิ มาอินเดียคราวนี้ ท่านอาจารย์สนทนาธรรมทุกครั้งที่ท่านว่าง แต่เราผู้ติดในการกินและการนอน รับประทานอาหารกลางวันแล้ว ก็ง่วงเหมือนตาลืมจะไม่ขึ้นต้องทำตัวเหมือนเด็กเกเร ชอบโดดเรียน แต่คิดว่าเมื่อกลับกรุงเทพแล้ว คุณอรรณพคุณคำปั่น คงต้องบันทึกเสียงการสนทนาธรรมมาเผยแพร่ให้ได้ฟังแน่ๆ ความคิดนี้ดูจะเป็นความประมาทชีวิตไปหน่อย ไม่ทราบเลยว่า ชีวิตนี้จะสิ้นสุดเวลาไหนก็ได้ ต้องกราบขอขมาพระรัตนตรัย และกราบขอโทษท่านอาจารย์ที่ประมาทด้วยค่ะ เมื่อพักผ่อนจนตาลืมได้เต็มที่แล้ว รู้สึกเหมือนตนเองไม่ติดในการนอน แต่ติดในการเที่ยวแทน มีเรี่ยวแรงแข็งขันเดินไปที่สมาคมมหาโพธิ สวนทางกับรถบัสของคณะที่ไปชมบ้านนางสุชาดา
โชคดีจริงๆ พบท่านอาจารย์กำลังสนทนาธรรมภาษาอังกฤษอยู่กับคนต่างชาติ ๒ – ๓ คน และพวกเราอีกกลุ่มหนึ่ง จึงร่วมฟังการสนทนาด้วย ท่านพูดถึงสภาพธรรมที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นพื้นฐานให้ชาวต่างชาติ จนใกล้เวลา ๕ โมงเย็น จึงหยุดการสนทนา เพื่อเตรียมตัวกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุของท่านพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ เมื่อถึงเวลา เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ที่จัดไว้ ได้อัญเชิญพระพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุของท่านพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะออกมาจากห้องใต้ดิน เมื่อประดิษฐานบนโต๊ะด้านหน้าแล้ว ได้เปิดฝาผอบ ให้พวกเราเข้าแถวกันชมอย่างใกล้ชิด เมื่อทราบวิธีว่า ต้องมองตรงๆ จากด้านบน คราวนี้จึงได้เห็นอย่างชัดเจน เพราะคราวที่แล้ว สิ่งที่ปรากฏทางตาดูเหมือนจะเป็นเพียงแก้วรัตนะทั้งหลาย ที่ประดับตบแต่งผอบเจดีย์เสียมากกว่า คราวนี้ไม่เห็นสิ่งเหล่านั้นเลย เห็นแต่พระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุของท่านพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเท่านั้น และได้กราบมนัสการอย่างนอบน้อม เมื่อได้ดูจนครบทั้งคณะและผู้อื่นด้วย คงเกือบ ๒๐๐ คน พระศรีลังกาที่เป็นประธาน ก็นำพระบรมสารีริกธาตุมาเทินบนศีรษะของพวกเราทุกคนจนครบ ตอนนี้เริ่มมืด ไฟฟ้าดับเป็นระยะๆ ท่านเลยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุของท่านพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะลงไปเก็บ ไม่ได้ทำพิธีอัญเชิญโดยคณะที่ได้จัดเตรียมไว้ได้ทราบว่า ผู้ที่เตรียมอัญเชิญกลับ ก็เสียใจเหมือนกัน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยจริงๆ
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายในพุทธคยา มีการเวียนเทียนประทักษิณอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เริ่มจุดประทีปตั้งแต่สมาคม ท่านอาจารย์เดินนำข้ามถนนไปที่พระเจดีย์ คุณคำปั่นและคุณอรรณพเดินลากเครื่องขยายเสียงที่สวด “พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ” ไปตลอดทาง อนุโมทนาค่ะ เมื่อเวียนประทักษิณครบ ๓ รอบ ท่านอาจารย์เดินนำไปชั้นบนสุด เดินผ่านเรือนประทีป ไปหยุดด้านหลังพระเจดีย์ แล้วกล่าวอุทิศส่วนกุศลที่ได้ทำแล้วพร้อมกันและสุดท้าย คุณธีรพันธ์ นำกล่าวขอขมาพระรัตนตรัยให้อดโทษที่ได้ล่วงเกินทั้งกายวาจา ใจ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพื่อที่จะสำรวมระวังในกาลต่อไป