ผมสับสนมากๆ ขอรบกวนท่านผู้รู้โปรดชี้ทางสว่างด้วยครับ
ครอบครัวผมเป็นครอบครัวที่เคยยากจน และลำบากมากๆ มาก่อน ปัจจุบันผมอายุ 32 ปี และยังไม่มีครอบครัวครับ ผมได้ดูแลส่งเสียค่าใช้จ่ายให้พ่อและแม่บ้างเป็นบางโอกาส จนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แม่ผมได้เสียชีวิตไปด้วยโรคร้าย ผมจึงรับพ่อมาอยู่ด้วยเพื่อจะได้ดูแลท่านอย่างใกล้ชิด ด้วยเห็นว่าท่านอยู่คนเดียวคงลำบาก และได้ให้เงินท่านใช้จ่ายเป็นการส่วนตัว ที่เหมือนกับเงินเดือน ทุกเดือน (เดือนละ 5,000 บาท)
ต่อมา ฐานะทางการเงินผมเริ่มดีขึ้น จึงซื้อรถยนต์ให้พ่อใช้ด้วย เห็นว่าท่านจะได้เดินทางสะดวกและปลอดภัย อีกทั้งพ่อเป็นคนที่ชอบเดินทางไกลเพื่อไปปฏิบัติธรรมบ่อยๆ
คงจะสะดวกขึ้นเมื่อมีรถยนต์ใช้ รวมทั้งเพิ่มเงินค่าใช้จ่ายขึ้นอีกเป็นเกือบเท่าตัว ด้วย
คิดว่าพ่อคงนำเงินไปทำบุญและซื้อของไปฝากย่า
2 ปีต่อมา ได้ทราบว่า พ่อไปติดพันผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีสามีอยู่แล้ว ที่ทราบเพราะลูกชายวัยรุ่นของผู้หญิงคนนี้ นำรถไปขับและเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ผมต้องเดือดร้อนไปด้วย เพราะรถเป็นชื่อผมและเด็กคนนั้นไม่มีใบอนุญาตขับขี่ หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ผมได้ขอร้องให้พ่อเลิกรากับผู้หญิงคนนี้ เพราะผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้จริงจังอะไรกับพ่อ และอย่านำรถไปให้คนอื่นขับอีกถ้าไม่ใช่เหตุอันควร แต่พ่อก็ยังคงให้เด็กคนนั้นนำรถไปใช้ ผมจึงยึดรถไม่ให้พ่อใช้อีกต่อไป และคาดว่าที่พ่อมีคนมาติดพันเพราะมีเงินและมีรถยนต์ใช้ จึงลดค่าใช้จ่ายส่วนตัวเหลือเท่าเดิม เป็นไปตามที่ผมคิด คือผู้หญิงคนนั้นเริ่มตีตัวออกห่าง
ต่อมา ผมมีความจำเป็นที่จะต้องไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ และทิ้งบ้านครั้งละเป็นเดือน โดยมีพ่อคอยดูแลบ้านให้ ต่อมาทราบว่า พ่อเริ่มติดพันกับผู้หญิงอีกคนบ้านอยู่ติดกันครับ คราวนี้อาการหนักกว่าเดิม คือ พ่อได้ไปเรียกเก็บค่าเช่าที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินของผม (ไม่ใช่มรดกจากพ่อแม่นะครับ) โดยที่ไม่ได้บอกให้ผมทราบ ซึ่งเงินค่าเช่านี้ ถ้าพ่อนำไปใช้จ่ายคงอยู่ได้เป็นปี (แสนกว่าบาท) เมื่อผมทราบและถามท่าน พ่ออ้างว่าเงินไม่พอใช้และต้องการนำเงินไปลงทุน (ทำสวนผัก) และบอกกับผมว่าท่านขอยืมเงินจำนวนนี้ไปลงทุนก่อน ผมจึงบอกกับท่านว่าถ้าเป็นแบบนี้ผมคงต้องงดจ่ายเงินค่าใช้จ่ายรายเดือนที่เคยให้ แต่เรื่องไม่จบเท่านั้น พ่อได้พาผู้หญิงคนใหม่ (ทราบมาว่าเคยทำงานเป็นหญิงบริการมาก่อน) เข้ามาทำกินในที่ดินส่วนที่เหลือของผมอีก โดยไปทำสัญญากับนายทุนเพื่อเข้าโควตาอ้อย ผมจึงตกที่นั่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะพ่อไปรับเงินนายทุนมาแล้ว ถ้าไม่ให้ใช้ที่ดินปลูกอ้อยพ่อก็คงลำบาก และถ้าให้พ่อใช้ที่ดินผมก็ลำบาก เพราะรายได้หลักๆ ของผมมาจากค่าเช่าที่ดิน ผลสุดท้ายผมตัดสินใจยอมให้พ่อเข้าครอบครองที่ดินของผมทั้งหมด แต่บอกกับท่านว่า ส่วนที่นำไปเข้าโควตาปลูกอ้อย ผมขอเก็บค่าเช่าเมื่ออ้อยเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว
ปัจจุบันนี้ผมเป็นทุกข์ใจมาก เพราะรู้ว่าพ่อลำบาก ไม่มีเงินใช้ เนื่องจากนำ
เงินไปให้ผู้หญิงหมด แต่ผมไม่รู้ว่าจะช่วยหรือดูแลท่านอย่างไร เคยซื้อพวกของใช้
ข้าวสาร อาหารแห้ง ไปเก็บไว้คราวละมากๆ เพื่อที่จะแน่ใจว่าพ่อจะไม่อด แต่ปรากฏว่าพ่อขนไปไว้บ้านผู้หญิงหมด สุดท้าย พ่อก็อยู่แบบอดบ้างอิ่มบ้างเหมือนเดิม ลูกคนอื่นๆ ก็โกรธที่พ่อทำตัวแบบนี้ ไม่มีใครเข้ามาช่วยดูแล ไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรกับพ่อคือ เงินก็ไม่อยากให้ท่าน เพราะรู้ว่าให้ไปท่านก็เอาไปให้ผู้หญิงหมด ของกินของใช้ซื้อไปท่านก็ไม่ได้ใช้ไม่ได้กินเองอีก
ทุกวันนี้ผมกลัวมากครับ กลัวว่าระหว่างที่ผมไม่อยู่บ้าน ผู้หญิงคนนี้จะทิ้งพ่อไป แล้วพ่อไม่รู้จะไปกินข้าวที่ไหน กลัวพ่อจะเป็นลมหรือป่วยอยู่คนเดียว ลืมบอกไปครับ ว่าพ่อผมอายุ 70 แล้ว ระยะหลังสุขภาพร่างกายทรุดโทรมไปมาก
สุดท้ายนี้ผมอยากจะขอคำแนะนำจากท่านผู้ที่สว่างด้วยสติปัญญาดังต่อไปนี้ครับ
1. เป็นการสมควรหรือไม่ที่ผมยกเลิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายรายเดือนให้พ่อ ผมจะ มีบาปติดตัวไปหรือไม่? ถ้าทำเป็นไม่สนใจทั้งๆ ที่รู้ว่าพ่อลำบาก
2. ผมเคยปรึกษากับญาติผู้ใหญ่ที่นับถือ ท่านแนะนำมาว่า ผมควรปิดหูปิด ตาในเรื่องไม่ดีต่างๆ ที่พ่อทำขึ้น และควรดูแลท่านอย่างที่เคย พ่อจะนำ เงินไปใช้จ่ายอย่างไร ทำตัวอย่างไร เป็นเรื่องและสิทธิของพ่อ แต่ใน ทางกลับกัน ปัจจุบันนี้ผมเองก็ลำบาก แล้วผมต้องให้เงินพ่อทั้งๆ ที่รู้ว่า พ่อเอาเงินไปให้คนอื่นใช้อีกทีหรือครับ ผมควรจะทำอย่างไรดี
3. จากที่ผมเล่ามาข้างต้น ผมจะได้รับกรรมอย่างไรบ้าง
4. ผมจะทำอย่างไร พ่อจึงจะกลับเข้าวัด ปฏิบัติธรรม เหมือนเมื่อก่อนได้ครับ
ลืมบอกไปครับ ทรัพย์สินต่างๆ ของผม ได้มาโดยพ่อบุญธรรมยกมรดกให้ มาครับ ผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ หากว่าผมใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม
๑. ในฐานะของลูก พ่อจะเป็นคนดีหรือชั่วอย่างไร ลูกก็ต้องเลี้ยงดูท่าน ๒. ถ้าเรามีน้อยก็ให้น้อยตามกำลัง ส่วนพ่อจะนำเงินไปใช้อะไรก็แล้วแต่ท่าน
แต่ถ้าแนะนำท่านได้ ก็ควรแนะนำในสิ่งที่ถูกต้อง๓. กรรมคือเจตนา ถ้ามีเจตนาดีเป็นกรรมดี มีวิบากดี ถ้ามีเจตนาไม่ดีเป็น
กรรมไม่ดี มีวิบากไม่ดี๔. ควรให้ท่านฟังธรรมะที่ถูกต้อง เพื่อการปฏิบัติที่ถูกต้อง
การตอบแทนด้วยการเลี้ยงดู หรือด้วยทรัพย์สมบัติใดๆ ก็ไม่เท่ากับการที่เราให้พ่อ แม่
ที่ไม่มีศีล ให้ตั้งอยู่ในศีล ฯลฯ
คุณพระรามเป็นผู้โชคดีที่มีคุณพ่อให้เราได้ทำบุญ (ให้เงินท่าน) แต่คุณพ่อกลับเอา
ไปใช้ในทางที่ไม่ถูกใจของลูก ก็เลยทำให้หงุดหงิดไปหน่อย เอาเถอะคุณพระราม คน
เราจะโชคดีอย่างเดียวเป็นไปไม่ได้ (ใช่ไหม)
แต่ขอเรียนว่า คุณก็ทำมาดีแล้ว (90%) งานนี้จัดว่าเป็นกรรมเก่าของคุณพ่อ แต่
เป็นกรรมใหม่ของคุณพระรามแล้วกัน แต่ขอให้กรรมใหม่ของเรา ให้เป็นกุศลกรรม เรา
สามารถวางผังชีวิตเราได้ ว่างๆ คุณลองขอ cd ธรรมะไปฟัง ก็จะได้คำตอบ ทำให้มี
ความสุขเกี่ยวกับ "พ่อ" มากขึ้น ขอรับรอง
Dear Khun Praram,
It 's life! We all have to go through a lot of ups and downs. Let's take this opportunity to make merits ( paramis) , especially to someone who has given you a chance to be born in this world. But whatever you do I suggest you take a middle path...not to be too mean to your father but not to spoil him either. We all live andlearn...especially we learn more from our mistakes.
Also you can recommend this website to your father, or get him some CDs or books, or take him to the foundation so that he can refresh his dhamma interest.
I am glad that you discovered this website. Please don't forget to study dhamma yourself.
Take care and keep up all the good jobs.
ขอเป็นกำลังใจให้ สู้ต่อไป อย่าเพิ่งท้อ หลายคนเจอปัญหาเช่นคุณ พ่อแม่ คือ พระอรหันต์ของลูก ถือว่าคุณโชคดี ที่ได้ตอบแทนคุณท่าน ถือว่าพ่อเป็นอาจารย์สอนธรรมะให้นะ ท่านได้ทดสอบอารมณ์ ให้เรา บางครั้งต้องวางอุเบกขา ..ปล่อยวางในบางเรื่อง อย่าแบกไว้มาก หนักวาง แล้วจะ ว่ า ง... ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัย คุ้มครอง กาลเวลาจะทำให้ทุกสิ่งคลี่คลายไปในทางที่ดี ...ขออนุโมทนา ในสิ่งที่คุณได้ทำดี