เสน่ห์อินเดีย 19 มอบอาคารห้องสมุดธัมมปาละ
มอบอาคารห้องสมุดธัมมปาละ
ในการเดินทางไปถวายผอบเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุของพระอัครสาวกทั้ง ๒ ที่สมาคมมหาโพธิ พุทธคยา เมื่อปีที่แล้ว (๓๐ ม.ค. – ๒ ก.พ. ๒๕๕๑) นั้น มูลนิธิฯ มีเงินเหลือจากการได้รับบริจาคเพื่อสร้างผอบเจดีย์จำนวนหนึ่งพลตรี ดร. วีระ พลวัต จึงเสนอท่านอาจารย์ว่า ควรจะปรับปรุงอาคารห้องสมุดธัมมปาละ ที่มีอายุมากกว่า ๑๐๐ ปี และมีสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก เพราะถูกน้ำท่วมเนื่องจากเป็นที่ต่ำ และเวลา ๑ ปีที่ผ่านมา ทางมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาก็ได้มอบเงินที่ได้รับบริจาคนั้นให้สมาคมมหาโพธิ ทำการซ่อมแซมอาคารห้องสมุดดังกล่าวเสร็จเรียบร้อย และทำการมอบอาคารโดยท่านอาจารย์เป็นประธาน เพื่อประโยชน์ในการค้นคว้าพระไตรปิฎก และหนังสือธรรมต่อไป
ในวันนี้จึงได้เห็นห้องสมุดธัมมปาละเสียที เพราะอยู่คนละฝั่งถนนกับมูลคันธกุฎีวิหาร และธัมเมกสถูป ตามปกติแล้วเราก็จะไม่ออกนอกเส้นทาง จึงต้องขอขอบคุณท่าน ดร.วีระ ที่ท่านเป็นนักสำรวจ ทำให้เห็นอาคารห้องสมุดที่ชำรุดทรุดโทรมจนใช้การไม่ได้ เป็นเหตุให้ได้พวกเราได้ทำกุศลร่วมกันในครั้งนี้ ท่านอนาคาริก ธัมมปาละ เป็นชาวศรีลังกา เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ ก.ย. ๒๔๐๗ ในครอบครัวชาวพุทธที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างมาก ท่านได้รับยกย่องว่าเป็นพระโพธิสัตว์จากศรีลังกา เมื่อท่านได้อ่านบทความของเซอร์เอ็ดวินส์ อาร์โนลด์เรื่อง ประทีปแห่งเอเชีย และบทความต่างๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับพุทธสถานที่ควรเป็นของชาวพุทธ ทำให้ท่านตัดสินใจเดินทางมาอินเดียเพื่อดูด้วยตนเอง เมื่อมาถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี ท่านแทบหมดสติ เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เลวร้ายของพุทธสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สถานที่พระพุทธองค์ได้แสดงธรรมเทศนาเป็นครั้งแรก และส่งพระสาวกออกไปประกาศพระศาสนา ไม่ใช่แต่เฉพาะป่าอิสิปตนะเท่านั้น
ที่พุทธคยาก็เช่นกัน ในวันที่ ๒๒ ม.ค. ๒๔๓๔ ท่านได้เดินทางไปพุทธคยา และได้พบว่าวิหารพุทธคยาถูกปล่อยปละละเลย และพวกมหันต์ทำให้หมดความศักดิ์สิทธิ์ ท่านได้บันทึกไว้ว่า “หลังจากขับรถออกมาจากคยา ๑๐ กม. พวกเราได้มาถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ภายในระยะทาง ๑ ไมล์ คุณสามารถเห็นซากปรักหักพังและภาพสลักที่เสียหายเป็นจำนวนมาก ที่ประตูทางเข้าวัดมหันต์ ตรงหน้ามุขทั้งสองด้าน มีพระพุทธรูปปางสมาธิและปฐมเทศนาติดอยู่ จะแกะออกได้อย่างไร พระวิหารที่ศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่บนบัลลังก์งดงามมาก ซึ่งแผ่ไปในใจของพุทธศาสนิกชน สามารถทำให้หยุดนิ่งได้ช่างอัศจรรย์จริงๆ ข้าพเจ้าได้เอาหน้าผากจรดที่พระแท่นวัชรอาสน์ แรงดลใจได้เกิดขึ้นในใจของข้าพเจ้า สิ่งนี้เองได้กระตุ้นเตือนให้ข้าพเจ้าหยุดอยู่ตรงนี้ และบูรณะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ไม่มีที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งใดในโลกนี้ที่จะเสมอเหมือนกับสถานที่เจ้าชายสิทธัตถะได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ...
” หลังจากนั้นท่านก็ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อเรียกร้องเอาพุทธคยาคืนจากพวกมหันต์โดยได้เริ่มก่อตั้งสมาคมมหาโพธิ พุทธคยา แต่การต่อสู้เพื่อเรียกร้องพุทธคยาคืนก็ไม่สำเร็จ ท่านจึงเดินทางมายังป่าอิสิปตนะ เมืองพาราณสี เพื่อทำให้เป็นพุทธสถานที่มีชีวิต และท่านได้เริ่มงานที่ป่าอิสิปตนะนี้ จนสำเร็จมาจนถึงปัจจุบัน โดยรัฐบาลอินเดียได้มอบที่ดินให้ ๕๐ ไร่ เพื่อสร้างพระมูลคันธกุฏิวิหารที่งดงามด้วยศิลปกรรมของชาวพุทธโบราณ ภายนอกบุด้วยหินทรายแดง และเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่รัฐบาลอินเดียขุดพบและมอบให้ ท่านธัมมปาละได้ทำงานอย่างหนักตลอดชีวิต ด้วยความเสียสละเพื่อพระพุทธศาสนา
ท่านมรณภาพในเพศบรรพชิต เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๔๗๖ มีอายุได้ ๖๘ ปี ๗ เดือน ๑๓ วัน อยู่ในเพศภิกษุ ๓ เดือน ๑๔ วัน และในเพศสามเณร ๑ ปี ๖ เดือน ๔ วัน เมื่อได้ระลึกถึงพระคุณของท่านธัมมปาละ ที่ทำให้เราได้มีสังเวชนียสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสวยงามกราบไหว้เช่นนี้แล้ว ก็ทำบุญถวายภัตตาหารและสบงจีวรที่นำมาจากกรุงเทพฯ ระหว่างที่รอพระฉัน ท่านเจ้าภาพก็แจกขนมอินเดีย เป็นแป้งห่อด้วยเงินข้างในเป็นเม็ดมะม่วงหิมพานต์กวน พร้อมกับน้ำมะม่วงเป็นกล่อง อร่อยดีค่ะ เมื่อถึงเวลาจึงกลับไปทานอาหารกลางวันที่โรงแรม
อ่านเรื่องท่านธัมมปาละไปขนลุกไป กราบอนุโมทนาและระลึกถึงพระคุณท่านที่ต่อสู้ ให้ชาวพุทธได้มีสังเวชนียสถานกราบไหว้มาจนทุกวันนี้
กราบอนุโมทนาอ.แดงด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาท่านธัมมปาละ
และขออนุโมทนาพี่แดงผู้ตั้งกระทู้ครับ
ขอกราบระลึกถึงพระคุณท่านธัมมปาละ ที่มีต่อพุทธศาสนิกชนทั่วโลก
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดงและทุกท่านค่ะ