พระเจ้าอโศกมหาราช...ทรงตั้งมูลนิธิถวายสงฆ์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เมื่อพระราชา ครองราชย์ได้ ๘ ปีสมัยนั้น ... พระสุมิตตเถระ บุตรของนางกุนตกินรี เที่ยวไป เพื่อต้องการเภสัชมาให้ พระติสสเถระ ผู้พี่ชายซึ่งถูกพิษของตัวบุ้ง โดยการภิกขาจารแต่ไม่ได้เนยใส แม้สักฝายมือหนึ่งจนกระทั่ง พระติสสเถระ นิพพาน ด้วยพิษตัวบุ้งนั้น ก่อนนิพพาน พระติสสเถระ ให้โอวาทภิกษุสงฆ์ ไม่ให้ประมาท. แล้วขึ้นไปนิพพานบนบัลลังก์ในอากาศ เข้าเตโชธาตุปรินิพพาน. (พระติสสเถระ รูปนี้ คนละรูปกับ พระติสสเถระอุปราช) พระราชาทรงทราบ ... ได้ทรงกระทำการสักการะ แก่พระเถระมีดำรัสว่า แม้เราครองราชย์อยู่ ... ภิกษุยังหาปัจจัยได้ยากอย่างนี้จึงรับสั่งให้สร้างถังน้ำขนาดใหญ่ ไว้ที่ประตูพระนครทั้ง ๔ ทิศบรรจุเภสัชอันเป็นโอสถ (ตามพระวินัยที่ทรงบัญญัติไว้) ให้เต็มเพื่อถวายแก่ภิกษุสงฆ์ ผู้มาจากทิศต่างๆ
สมัยนั้น ... มหาชน นำเครื่องบรรณาการมาถวาย แก่พระราชาทุกวัน วันละ ๕ แสน. พระราชา ทรงถวายแก่ นิโครธเถระ วันละ ๑ แสนทรงบูชาพุทธเจดีย์ วันละ ๑ แสนทรงบูชาพระธรรม วันละ ๑ แสนเพื่อประโยชน์ในปัจจัย ๔ ของภิกษุผู้พหูสูต วันละ ๑ แสนเพื่อประโยชน์แก่เภสัช ของภิกษุผู้อาพาธ ๑ แสน ลาภสักการะอันโอฬาร เกิดขึ้นแล้วในพระพุทธศาสนาด้วยประการฉะนี้.ขณะเดียวกัน เหล่าเดียรถีร์กลับเสื่อมลาภ จนในที่สุดแม้เครื่องอุปโภคบริโภค ก็ไม่เพียงพอแก่การยังอัตภาพให้เป็นไปจึงปลอมบวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนากันมากขึ้น ต่อมา ประมาณปีพุทธศักราช ๒๓๕ พระเจ้าอโศก จึงดำริ ให้คณะสงฆ์กระทำการ สังคายนาพระธรรมวินัย เป็นครั้งที่ ๓ ที่ วัดอโศกราม พระเจ้าอโศกมหาราช ครองราชสมบัติอยู่ ๓๗ ปีในตอนปลายรัชกาล มหาชนต่างขนานนามพระองค์ว่า"พระเจ้าธรรมาโศกราช"
ข้อความบางตอนจากหนังสือ"พระพุทธกิจ ๔๕ พรรษา"
เรียบเรียงโดย คุณสุรีย์ และ เรือโท วิชัย มีผลกิจ
พิมพ์เผยแพร่โดย "คณะสหายธรรม"
ขออนุโมทนา