ความเข้าใจ...เรื่องจิตและเจตสิก
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
นามธาตุ เป็น ธาตุรู้ มีทั้ง จิต และ เจตสิก ธาตุที่เกิดแล้วเป็นใหญ่ เป็นประธานในการรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่กำลังปรากฏใช้คำบัญญัติ เรียกว่า "จิต" ธาตุรู้ คือ "จิต" เพื่อให้เข้าใจถูกต้อง ว่า ขณะนี้ มีธาตุนี้แต่ธาตุนี้ เกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไร ก็ตามธาตุนี้ จะต้องเป็นใหญ่ เป็นประธาน ในการรู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ เช่น ขณะนี้ กำลังเห็น ธาตุนี้ ที่เกิดขึ้นและทำกิจเห็นเพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะ เมื่อไร ขณะไหน สภาพธรรม ซึ่งเป็นใหญ่ เป็นประธานในการรู้อารมณ์เมื่อเกิดขึ้นรู้อารมณ์ไหน (นามธรรม และ รูปธรรม) สภาพธรรม ที่รู้อารมณ์ นั้นแหละ คือ "จิต"
แต่ว่า ตามความเป็นจริงนั้น สภาพธรรมทั้งหมดนั้น จะเกิดขึ้นตามลำพังไม่ได้ ต้องมีสภาพธรรม ซึ่งต้องอาศัยซึ่งกัน จึงจะเกิดขึ้นได้ และด้วยเหตุนี้ "จิต" จะเกิดโดยลำพังไม่ได้จะต้องมี "เจตสิก" เกิดร่วมด้วยเสมอ "เจตสิก"แป็นนามธรรมที่ต้องเกิดกับจิต "เจตสิก" จะไม่เกิดกับสิ่งอื่นเลย จิตเกิดขึ้นเมื่อไร เจตสิกก็ต้องเกิดกับจิต หรือ ใช้คำว่า เจตสิก เกิด ในจิต ทำกิจปรุงแต่งจิตอาศัยกันและกันเกิดขึ้น เห็นความอัศจรรย์นี้ไหม มีใคร ที่สามารถจะไปทำขึ้นได้ไหม สภาพธรรมที่เป็น นามธรรม คือ จิต และ เจตสิก "จิต" และ "เจตสิก"
ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน จึงเกิดขึ้น แล้วดับไป พร้อมกัน นี่คือ ความเห็นถูก ตามความเป็นจริง แล้วใครจะรู้ได้ ถึงละเอียดของจิต ซึ่งกำลังเกิดดับ สืบต่อกันอย่างรวดเร็ว นับไม่ถ้วนในขณะนี้ ทั้งจิตและเจตสิก พระผู้มีพระภาค ทรงตรัสรู้ และทรงแสดงความจริงให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง แม้ในขั้นการฟัง ว่า จิต และ เจตสิก คือ นามธรรม หรือ ธาตรู้นั้นเป็นอนัตตา เพราะว่าไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาได้เลย
พื้นฐานอภิธรรมวันอาทิตย์ ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ ณ อาคารมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา.
บรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ถอดเทปโดย คุณสงวน สุจริตกุล
ขออนุโมทนา