ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ

 
ธีรวุฒิ
วันที่  10 มี.ค. 2552
หมายเลข  11585
อ่าน  2,022

อยากเรียนถามท่านทั้งหลายว่า ... การศึกษาพระธรรม จนเข้าใจ ประจักษ์ถึงสภาพธรรมที่ปรากฏ ว่าเป็นธรรม

อย่างนี้จะเรียกว่า เป็นการปฏิบัติ หรือไม่? อย่างไร?

ถ้าอย่างนั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงไว้อย่างไร

เกี่ยวกับ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ?

----ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ----


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 11 มี.ค. 2552
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
choonj
วันที่ 13 มี.ค. 2552

เมื่อประจักษ์ก็เรียกว่าปฏิบัติแล้ว การศึกษาคือปริยัติ เมื่อศึกษาจนเข้าใจมีกำลังสังขารก็ปฏิบัติ เมื่อมีการปฏิบัติแล้วให้ผลก็คือปฏิเวธ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ มี สาม อริยสัจ มีสี คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรด สาม คูณ สี เป็นสิบสองรอบ ก็เป็นอริยบุคลครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 14 มี.ค. 2552

ในพระไตรปิฏกก็มีแสดงไว้ ในสมัยของท่านพระกัสสปะ พระกปิละและพระโสธนะ ซึ่ง

เป็นพี่ชายออกบวชด้วยกัน พระโสธนะคิดว่าเราอายุมากแล้ว ก็เจริญวิปัสสนาได้บรรลุ

เป็นพระอรหันต์ ส่วนพระกปิละคิดว่าเรายังหนุ่มอยู่ ก็ทรงสุตะ เรียนพระไตรปิฏก ได้

สอนธรรมะ และมีบริวารมาก ลาภสักการะก็เกิด ทำให้ท่านมีมานะ เข้าใจธรรมผิด แสดง

ธรรมในสิ่งที่ไม่ควรว่าควร เช่น ให้รับเงินทองได้ เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป ต้องใช้เงิน

ฯลฯ ภิกษุผู้มีศีลมาเตือนก็ไม่เชื่อแล้วด่าว่าภิกษุ ภายหลังท่านตายไปตกนรกอเวจีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 14 มี.ค. 2552

จากถอดเทปคุณย่า เพราะฉะนั้น การศึกษาปริยัติจริงๆ ไม่ใช่ว่าต้องเรียนเป็นปริจเฉท แล้วก็เริ่มจากจำไปก่อน จิต ๘๙ โดยพิสดาร ๑๒๑ เจตสิก ๕๒ อะไรอย่างนี้สงเคราะห์กันไปอย่างนั้น แต่จริงแล้วศึกษาเหมือนกัน รู้ก็เหมือนกัน ที่นี่ก็พูดจิต ๘๙ จิต ๑๒๑ แต่อะไรคือความต่างกัน ก็คือเพื่อให้เข้าใจในขั้นต้นก่อนว่าจิตเป็นสภาพรู้ ขณะนี้ไม่ปราศตจากจิตเลยแม้สักขณะเดียว “เห็น” นี่ก็เป็นจิต ไม่ใช่เรา การศึกษาทุกคำนี้ก็เพื่อประกอบความเข้าใจว่าไม่ใช่เราแต่เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่าง เคยจำว่า เป็นเราที่เห็น พอศึกษาเรื่องจิตแม้ขั้นปริยัติรู้แล้ว ยังไม่ถึงขั้นที่ระลึกรู้ที่เป็นปฏิปัตติ แต่ปริยัติจริงๆ ก็คือเข้าใจว่า เป็นจิตที่เป็นสภาพรู้ ที่เป็นใหญ่ เป็นประธาน เกิดขึ้นไม่ใช่เรา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ