ศึกษาธรรมทำไม?

 
ธีรวุฒิ
วันที่  15 มี.ค. 2552
หมายเลข  11625
อ่าน  1,402

ขอเกริ่นอย่างนี้ครับว่า คำถามนี้เกิดขึ้นจากการสนทนาธรรม ซึ่งในภายหลังผมมาพิจารณาต่ออีกทีว่า ... ตกลงเราศึกษาธรรมไปทำไม? เป็นคำถามที่เกิดขึ้นกับตัวเองครับ ขณะนี้ตัวผมเองก็ยังไม่ได้คำตอบว่า ศึกษาไปทำไมกันแน่

ซึ่งถ้าจะตอบโดยนัยที่ว่า เริ่มต้นมาศึกษาธรรมได้อย่างไร ก็ตอบได้ว่า เพราะตอนนั้น ประสบกับเรื่องเสียใจมากๆ พอไม่มีที่พึ่งอันใด ก็หันเข้าพระศาสนา ซึ่งก็ช่วยได้มากทีเดียว

แต่เป็นคำตอบที่ผมเองก็ยังรู้สึกไม่พึงพอใจนัก

แล้วก็คิดต่อไปอีกว่า ถ้าอย่างนั้น ทำไมเจ้าชายสิทธัตถะ จึงเสด็จออกผนวชล่ะ?

จึงอยากจะเรียนถามท่านทั้งหลาย เพื่อบางทีอาจช่วยให้ผมเข้าใจได้บ้างว่า แท้จริงแล้ว ศึกษาธรรมไปทำไม? นี้เป็นประเด็นแรก

ส่วนประเด็นที่สองก็คือว่า เพราะอะไรเจ้าชายสิทธัตถะในขณะนั้น จึงเสด็จออกผนวช แสวงหาสัจธรรม อันนำมาซึ่งความดับทุกข์?


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 16 มี.ค. 2552

สำหรับผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการศึกษาการฟังพระธรรม เช่น พระอรหันต์

พระอนาคามี พระสกทาคามี พระโสดาบัน ท่านไม่มีความสงสัยว่าศึกษาทำไม

ศึกษาเพื่ออะไร แม้กัลยาณปุถุชนทั้งหลายเมื่อได้ฟังพระธรรม ทำให้เข้าใจความจริงรู้สิ่งที่ถูก รู้สิ่งที่ผิด รู้สิ่งใดควรประพฤติ รู้สิ่งใดควรเว้น รู้ทางดำเนิที่ถูกต้อง เมื่อยังไม่บรรลุเป็นพระอริยบุคคล ก็ได้สะสมอบรมอินทรีย์บารมีเพื่อภพต่อไป ทำให้เมื่อตายไปเกิดในสวรรค์ หรือทำให้เกิดในสกุลสูงถึงพร้อมด้วยโภคสมบัติ นี่คือประโยชน์จากการฟังพระธรรมซึ่งมีค่ายิ่งกว่าการศึกษาสิ่งใดๆ ในโลกนี้...ส่วนประเด็นที่สองก็ไม่ต้องสงสัย เพราะพระองค์ท่านสะสมการเป็นบรรพชิตมานับภพชาติไม่ถ้วน และสะสมเพื่อการเป็นพระพุทธเจ้า ช่วยเหลือสัตว์โลกให้พ้นจากทุกข์

ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มที่ ศึกษาไปเพื่ออะไร

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 16 มี.ค. 2552

1. ศึกษาธรรมะเพื่อให้รู้จักความจริง จนกว่าจะเข้าใจขึ้นว่าที่เห็น ได้ยิน ฯลฯ ไม่ใช่เรา

2. พระองค์ท่านตรัสว่า เราจะรื้อสัตว์ ขนสัตว์ให้ออกจากสังสารวัฏฏ์ เราตรัสรู้แล้ว จะ

ช่วยผู้อื่นให้ตรัสรู้ด้วย เราข้ามพ้นแล้ว จะช่วยผู้อื่นให้ข้ามพ้นด้วย เราหลุดพ้นแล้ว จะ

ช่วยผู้อื่นให้หลุดพ้นด้วย

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 18 มี.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

แต่ละบุคคล มีการสะสมอุปนิสัยมาแตกต่างกัน มีพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไปตามการสะสม เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง จะเป็นเครื่องขัดเกลากิเลสที่แต่ละบุคคลได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ จะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เป็นที่พึงสำหรับผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง ดังนั้น ผู้ที่ได้สะสมเหตุที่ดีมาเท่านัน ถึงจะได้มีโอกาสฟัง ได้ศึกษา และเมื่อมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นไปตามลำดับ ย่อมจะได้รับประโยชน์จากพระธรรมจริงๆ สูงสุด คือ การเป็นผู้หมดจดจากกิเลส แต่ก็เป็นเรื่องที่ไกลมาก จึงต้องค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ โอกาสที่มีค่าสำหรับชีวิตนั้นก็คือ มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม และได้เข้าใจพระธรรมซึ่งเป็นการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า สำหรับผู้เริ่มฟัง เริ่มศึกษา ย่อมจะเห็นว่าพระธรรม เป็นเรื่องยาก แม้แต่ผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษามาบ้างแล้ว ก็ยังยาก เพราะตามความเป็นจริง พระธรรม เป็นเรื่องละเอียด ยาก ลึกซื้ง แต่ก็ไม่ควรที่จะท้อถอย เพราะเมื่อไม่ท้อถอยในการฟัง ในการศึกษาแล้ว ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ จนกระทั่งถึงความสมบูรณ์พร้อมของปัญญาได้ในที่สุด ที่สำคัญ คือ ไม่ขาดการฟังฟัง เพื่อความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 18 มี.ค. 2552

พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า กว่าที่พระองค์จะได้ตรัสรู้นั้น ต้องบำเพ็ญพระบารมีมาตลอดระยะเวลาถึงสี่อสงไขยกับอีกแสนกัปป์ ถ้าย้อนไปถึงนึกในพระทัยว่าจักเป็นพระพุทธเจ้า เจ็ดอสงไขย และได้เปล่งพระวาจาออกมาว่าจักเป็นพระพุทธเจ้าถึงเก้าอสงไขย เมื่อรวมกับบำเพ็ญพระบารมีเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า แล้ว ได้ถึงยี่สิบอสงไขยกับอีกแสนกัปป์ ทั้งหมดนั้นไม่ใช่เพื่อตัวพระองค์เพียงพระองค์เดียว แต่เพื่อประโยชน์ของสัตว์โลกทั้งหลายทั้งปวงอย่างแท้จริง เพราะพระองค์ทรงอนุเคราะห์สัตว์โลกด้วยการแสดงพระธรรมตามสมควรแก่อัธยาศัย มีผู้ที่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นผู้หมดจดจากกิเลส สิ้นทุกข์โดยประการทั้งปวง มีมากมายนับจำนวนไม่ถ้วนนอกจากนั้นแล้ว พระอริยบุคคลขั้นอื่น รวมถึงผู้ที่ถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นที่พึ่งในภายหน้า ก็มีเป็นจำนวนมากนับไม่ถ้วนเช่นเดียวกันทั้งหมดทั้งปวงนั้น แสดงถึงพระมหากรุณาคุณของพระองค์ที่มีต่อสัตว์โลก ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 18 มี.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 70

เราเป็นพราหมณ์ นามว่าสุเมธ เรานั่งอยู่ในที่ลับได้คิดอย่างนี้ว่าขึ้นชื่อว่าการเกิด

ในภพใหม่เป็นทุกข์ การแตกทำลายของร่างกายก็เป็นทุกข์ การตายด้วยความหลง

ก็เป็นทุกข์ การถูกชราย่ำยีก็เป็นทุกข์. ก็ในกาลนั้น เรามีความเกิดเป็นธรรมดา มี

ความชราเป็นธรรมดา มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา จักแสวงหาพระนิพพานอันไม่แก่

ไม่ตาย อันเป็นแดนเกษม อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ