เรื่อง...มาร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เรื่อง มาร (แปลงเป็นบุรุษ)
"ว่าด้วย ฝั่ง ที่บุคคลรู้ได้โดยยาก" พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภมาร ได้ยินว่า มารแปลงกายเป็นบุรุษเข้าเฝ้าพระศาสดา ทูลถามว่า "พระเจ้าข้า สถานที่อันพระองค์ตรัสว่า ฝั่ง ดังนี้ อะไรหนอ ชื่อว่า ฝั่งนั้น" ดังนี้
พระศาสดาทรงทราบว่า นี้เป็นมาร จึงตรัสว่า "มารผู้มีบาป ประโยชน์อะไรของเธอด้วยฝั่ง ฝั่งนั้น ผู้มีราคะไปปราศแล้ว พึงถึง" ดังนี้แล้ว ได้ตรัสคาถานี้ว่า ยสฺส ปารํ อปารํ วา ปาราปารํ น วิชฺชติ วีตทฺทรํ วิสํยุตฺตํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ แปลว่า ฝั่ง หรือ มิใช่ฝั่ง หรือว่า ฝั่ง และ ที่มิใช่ฝั่ง ย่อมไม่มีแก่บุคคลใด เราเรียกบุคคลนั้นผู้มีความกระวนกระวายไปปราศแล้ว ว่า เป็นพราหมณ์ ดังนี้ ฯ
อธิบายว่า
อายตนะภายใน ๖ ชื่อว่า "ปารํ"
อายตนะภายนอก ๖ ชื่อว่า "อปารํ"
อายตนะทั้งสองนั้น ชื่อว่า "ปาราปารํ"ฯ
บทว่า "น วิชฺชติ" ความว่า ฝั่ง และ ที่มิใช่ฝั่ง ทั้งหมดนั้น ไม่มีแก่ผู้ใด เพราะ ความไม่มีการยึดถือ ว่า "เรา" หรือว่า "ของเรา"
เราเรียกผู้นั้นว่า มีความกระวนกระวายไปปราศแล้วเพราะความไปปราศแห่งความกระวนกระวาย (คือ กิเลสทั้งหลาย) ผู้พรากจากกิเลสทั้งปวงได้แล้ว ว่า เป็นพราหมณ์ ฯ
ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมาก บรรลุโสดาปัตติผล เป็นต้น ดังนี้แล ฯ
จบ เรื่อง มาร ฯ
คู่มือศึกษาธรรมเล่มที่ ๒ "ธรรมบทสังคหะ" เรียบเรียงโดยอาจารย์สมพร ศรีวราทิตย์
ขออนุโมทนา
มาร เมื่อรู้ว่ามีฝั่งโน้น จึงคอยเตือนให้บุคลอย่าข้ามไป ให้อยู่ในความกระวนกระวาย แต่บุคคลที่กระวนกระวายปราศไปแล้ว รู้เล่ห์กลของมาร จึงเรียกว่า พราหมณ์
เรียน ถามท่านอาจารย์วิทยากรช่วยอธิบายความหมายด้วยค่ะ
ยสฺส ปารํ อปารํ วา ปาราปารํ น วิชฺชติ วีตทฺทรํ วิสํยุตฺตํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ และ อายตนะภายใน ๖ ชื่อว่า "ปารํ"
อายตนะภายนอก ๖ ชื่อว่า "อปารํ"
อายตนะทั้งสองนั้น ชื่อว่า "ปาราปารํ"
หมายความว่า ผู้ที่ไม่ยึดถืออายตนะภายใน ๖ และไม่ยึดถืออายตนะภายนอก ๖ ไม่ยึดถือทั้งอายตนะภายใน และอายตนะภายนอก ๖ ว่าเป็นเรา หรือเป็นของเรา ผู้นั้นเป็นผู้พรากจากกิเลสทั้งปวงได้แล้ว ว่า เป็นพราหมณ์ ใช่ไหมคะ กรุณาช่วยอธิบายด้วยค่ะ
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ