อดีต และ อนาคต

 
WS202398
วันที่  18 มี.ค. 2552
หมายเลข  11658
อ่าน  1,806

อดีต และ อนาคต มีจริงหรือไม่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 18 มี.ค. 2552

นามธรรมและรูปธรรมที่ดับไปแล้วมีอยู่จริง โดยกาลเป็นอดีตกาลนามธรรมและรูปธรรมที่จะเกิดมีอยู่จริง โดยกาลเป็นอนาคตกาล

เพราะเป็น จิต เจตสิก รูป เป็นขันธ์ เป็นธาตุ เป็นอายตนะ จึงมีอยู่จริง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pannipa.v
วันที่ 19 มี.ค. 2552

เมื่อวานมีไหม? (อดีต)

พรุ่งนี้มีไหม? (สำหรับบางคนอาจไม่มีอนาคต เพราะตายก่อน)

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 19 มี.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 19 มี.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 46

ในขณะแห่งจิตอันเป็นอดีต บุคคลชื่อว่าเป็นอยู่แล้วมิใช่กำลังเป็นอยู่ มิใช่จักเป็นอยู่

ในขณะแห่งจิตอันเป็นอนาคตบุคคล ชื่อว่า จักเป็นอยู่ มิใช่เป็นอยู่แล้ว มิใช่กำลัง

เป็นอยู่ ในขณะแห่งจิตอันเป็นปัจจุบัน บุคคลชื่อว่ากำลังเป็นอยู่ มิใช่เป็นอยู่แล้ว ไม่ใช่

จักเป็นอยู่. อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
WS202398
วันที่ 19 มี.ค. 2552

สิ่งที่เป็นอดีตหรืออนาคต เป็นสิ่งที่ไม่กำลังปรากฏ จะถือว่ามีจริงได้หรือ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
prachern.s
วันที่ 19 มี.ค. 2552

ขันธ์ที่เกิดดับไปแล้วเมื่อวานนี้ มีจริงไหมครับ

ขันธ์ที่จะเกิดวันพรุ่งนี้ มีจริงไหมครับ..

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khampan.a
วันที่ 19 มี.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวันนั้น ไม่พ้นไปจากขันธ์ ไม่พ้นไปจาก จิต เจตสิก รูป ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงทั้งหมด เลย ขันธ์ หมายถึง สภาพธรรมที่ทรงไว้ซึ่งความว่างเปล่ากล่าวคือ ว่างเปล่าจากความเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล จะหาความเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล ในขันธ์แต่ละขันธ์นั้นไม่ได้เลย ขันธ์ที่เป็นอดีต คือ ล่วงไปแล้วก็มี ที่กำลังเป็นไปอยู่ ก็มี ที่จักเกิดขึ้นเป็นไปในอนาคต ก็มี เพราะเป็นสิ่งที่มีจริงดังนั้น ท่านจึงจำแนกโดยประมวลขันธ์ออกไปโดยอาการ ๑๑ อย่าง คือ เป็นอดีตอนาคต ปัจจุบัน ภายใน ภายนอก หยาบ ละเอียด ทราม ประณีต ไกล ใกล้ ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

..

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
พุทธรักษา
วันที่ 19 มี.ค. 2552

หมายความว่า............
(ขันธ์) ในอดีต มีจริง.....แต่เกิดแล้ว ดับแล้ว ทั้งนาม และ รูปดับหมดแล้ว แต่เป็นปัจจัย แก่ ปัจจุบัน.

เช่น... (ขันธ์) ในชาติที่แล้ว จะต้องมี (ขันธ์) ในชาตินี้ จึงมีได้ โดยมีเหตุปัจจัยสืบต่อมาจาก ชาติที่แล้ว.

และ เมื่อ (ขันธ์) ในชาตินี้มี (ขันธ์) ในชาติหน้า จะต้องมี เป็นเพราะมีเหตุปัจจัย ที่ทำให้ต้องเกิดอีก.และถ้าเป็นพระอรหันต์ ก็จะมีแต่อดีต และ ปัจจุบันแต่ไม่มีอนาคต เพราะท่านมีแต่วิบากจิต และกิริยาจิต เท่านั้นต่างจากผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ ที่มีทั้งกุศลจิต อกุศลจิต วิบากจิต กิริยาจิตผู้ที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ จึงมีทั้งอดีต ปัจจุบัน และ อนาคตเพราะยังไม่ได้ดับ "เหตุ" เป็นสมุจเฉท.
.
.
.
เข้าใจว่าอย่างนี้...ถูกต้องหรือเปล่าคะ.?

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
prachern.s
วันที่ 20 มี.ค. 2552

ถูกต้องครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
WS202398
วันที่ 20 มี.ค. 2552

การบัญญัติถึง อดีต อนาคต ต้องอาศัยสัญญาใช่หรือไม่ เป็นสมมติบัญญัติใช่หรือไม่

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
prachern.s
วันที่ 20 มี.ค. 2552
บัญญัติ ก็คือบัญญัติ แต่บัญญัติจะมีไม่ได้ถ้าไม่มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 21 มี.ค. 2552
จิต เจตสิก รูป ขณะที่เกิดขึ้นเป็นปัจจุบัน ขณะที่ดับไปเป็นอดีต ขณะที่จักเกิดเป็นอนาคต
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
wannee.s
วันที่ 21 มี.ค. 2552
บัญญัติไม่มีกาล ไม่มีสภาวธรรม บัญญัติไม่เกิด ไม่ดับ บัญญัติไม่เป็นอารมณ์ของสติปัฏฐาน
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ