มโนวิญญาณจิต กับ วิบากจิต

 
WS202398
วันที่  18 มี.ค. 2552
หมายเลข  11659
อ่าน  1,881

มโนวิญญาณจิต เป็นวิบากจิตได้หรือไม่

เหตุใดถึงได้หรือไม่ได้


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 18 มี.ค. 2552

มโนวิญญาณเป็นกุศลจิตก็มี เป็นอกุศลจิตก็มี เป็นวิบากจิตก็มี

จิตทั้งหมด เว้นจากทวิปัญจวิญญาณ และมโนธาตุแล้ว เป็นมโนวิญญาณทั้งหมด

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 19 มี.ค. 2552
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
WS202398
วันที่ 20 มี.ค. 2552

ทวิปัญจวิญญาณจิต 10 คือ จิตอะไรครับ

10 ดวงนี้เป็นวิบากล้วนใช่หรือไม่ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
prachern.s
วันที่ 20 มี.ค. 2552

ทวิปัญจวิญญาณ เป็นจิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางทวารทั้ง ๕ คือ ทางตา ๒ ทางหู ๒ ทางจมูก ๒ ทางลิ้น ๒ ทางกาย ๒ รวมเป็น ๑๐ ดวง ทั้งหมดเป็นวิบากจิต ..

ขอเชิญคลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มที่ ทวิปัญจวิญญาณจิต ๑๐

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 20 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 21 มี.ค. 2552

จิตหมายถึง ธาตุรู้ อาการรู้ สภาพรู้ มโนวิญญาณเป็นจิตที่สามารถรู้ได้ทางใจ เช่น

โลภะเกิดทางตาก็ได้ เกิดทางใจก็ได้ อย่างเราเห็นสีสวยครั้งแรกก็พอใจ หลังจากนั้น

คิดก็ชอบอีก หรือฝ่ายกุศล เช่น เห็นพระพุทธรูปก็ระลึกถึงพระพุทธคุณ จิตก็เป็นกุศลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
WS202398
วันที่ 23 มี.ค. 2552
ทวิปัญจวิญญาณจิต ๑๐ ต้องอาศัยผัสสะจากภายนอก เป็นวิบากจิต แล้วการกระทบ

ทางธัมมารมณ์นั้น ธัมมารมณ์มาจากใหน ธัมมารมณ์นั้นๆ เหตุใดจึงไม่เป็นวิบากบ้าง
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ajarnkruo
วันที่ 23 มี.ค. 2552

ทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ เป็นวิบากจิต เป็นผลของกรรม เป็นนามธรรมที่เกิดจากกรรมเป็นปัจจัย โดยอาศัยปสาทต่างๆ มีจักขุปสาทเป็นต้นเป็นที่เกิด เมื่อมีการกระทบกันของวัณณรูปกับจักขุปสาท ถ้ากรรมๆ หนึ่งจะเป็นฝ่ายกุศลหรืออกุศลก็ตาม เป็นปัจจัยให้จิตเห็นเกิด จิตเห็นก็ต้องเกิดตามลำดับของจิตในวาระของวิถีจิตขณะนั้นๆ ธัมมารมณ์มีมาก ได้แก่ ปสาทรูป ๕ สุขุมรูป ๑๖ จิต เจตสิก นิพพาน บัญญัติแต่ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ หลังเห็น หลังได้ยิน ฯลฯ ...ความคิดที่เกิดขึ้นทางใจ ก็มีความเป็นไปเนื่องกับสิ่งที่เห็น เสียงที่ได้ยิน ฯลฯ โดยตลอด วิถีจิตที่เกิดขึ้น ก็รู้สิ่งที่ปรากฏจากทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ทีละทาง ทีละทวาร ...สืบต่อสู่ใจทางเสมอ ธัมมารมณ์ที่เป็นวิบากจิตก็มี แต่ที่จะรู้จริงๆ ก็ต้องในขณะที่สติสัมปชัญญะเกิดระลึกรู้ในสภาพธรรมที่ปรากฏโดยไม่เลือกว่าจะเป็นทางใด ทวารไหน

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
WS202398
วันที่ 23 มี.ค. 2552

ขอกรุณาช่วยขยายว่า ธัมมารมณ์ที่เป็นวิบากจิตก็มีนั้น ขอให้ยกตัวอย่างด้วยครับ คือสับสนใน//www.dhammahome.com/webboard/topic/11600 กล่าวว่า

การให้ผลของกรรม 5 ทวาร คือทุกขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส ที่ดี

หรือไม่ดี (เป็นผลของกรรม) ส่วนทางใจไม่ใช่ผลของกรรม แต่เป็นกิเลสที่เราสะสม

จนเป็นอุปนิสัย

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ajarnkruo
วันที่ 23 มี.ค. 2552

วิถีจิตทางใจสามารถรู้อารมณ์ได้หลากหลายมาก ธัมมารมณ์ที่เป็นวิบากจิตที่วิถีจิตทางใจสามารถจะรู้ได้ก็มี เช่น ในขณะที่สติสัมปชัญญะเกิดขึ้นระลึกรู้ได้ว่า "เห็น"เป็นนามธรรมชนิดหนึ่ง ไม่ใช่เรา ขณะนั้นก็มีวิบากจิตเป็นอารมณ์ ซึ่งตรงนี้ไม่ได้กล่าวถึงการรับผลของกรรมทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ครับ คิดว่าอาจจะสับสนตรงจุดนี้ ที่จริงตรงจุดนี้ กำลังกล่าวถึงการรู้อารมณ์ทางมโนทวาร ที่สามารถรู้ธัมมารมณ์ที่เป็นวิบากจิตได้ครับ สำหรับข้อความที่ยกมาข้างต้นนั้น ถูกต้องแล้วครับ แต่ว่าต้องแยกกันระหว่างการรับผลของกรรมทางทวาร ๕ ไว้ส่วนหนึ่ง และแยก การรู้ธัมมารมณ์ทางใจ ไว้อีกส่วนหนึ่ง เพราะเป็นคนละทวารกัน ไม่ปนกันครับ ทำไมทางใจจึงไม่รับผลของกรรม เหมือนทางปัญจทวาร? อันที่จริง ไม่ใช่สิ่งที่น่าสงสัยเลย ถ้าเราได้เข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้น ปัญญาก็จะเห็นถูกว่า เป็นจริงตามที่ทรงแสดงทุกประการ ไม่ผิดเพี้ยนแต่ประการใด พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้เช่นไร พระองค์ก็ทรงแสดงพระธรรมที่ได้ทรงตรัสรู้ไว้แล้วเช่นนั้น เป็นพระธรรมที่เมื่อปัญญาค่อยๆ เข้าใจขึ้น ก็จะสามารถบรรเทาความสงสัยลงเสียได้ แต่ก็เป็นพระธรรมที่ยาก ลึกซึ้ง และทนต่อการพิสูจน์จริงๆ ต้องอาศัยกาลอันยาวนาน ที่จะศึกษาพระธรรม เพื่ออบรมความเข้าใจสภาพธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริงต่อไปครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
WS202398
วันที่ 24 มี.ค. 2552

ขอบพระคุณสำหรับคำตอบครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ