เลือกที่จะละ หรือ เลือกที่จะทำ
ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การได้เกิดเป็นมนุษย์ ในประเทศที่ยังมี
พระธรรมคำสั่งสอน
ของ
องค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมที่เป็นสัมมาทิฏฐิ
เป็นสิ่งยากยิ่ง
แต่
หากว่าได้เพียรศึกษาอบรมด้วยการฟัง พิจารณา ใคร่ครวญ
ในพระธรรมที่ได้ศึกษามาเพื่อความเข้าใจ ด้วยความอดทน
แต่ก็ยังไม่เคยได้รู้จักลักษณะสภาพธรรมเลย
จะยังมั่นคงที่จะศึกษา สะสม เพื่อความเข้าใจต่อไป
จนตายจากไปพร้อมกับคำพังเพยที่ว่า
"เหมือนทัพพีไม่รู้รสแกง"
หรือ
จะเลือกที่จะทำ
หันเหไปแล้วจากความมั่นคงในหนทางที่ถูก
และตายจากไปพร้อมกับ
"ความเห็นผิด"
ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ
ทัพพีไม่รู้รสแกง ท่านเปรียบเหมือน บุคคลที่คลุกคลี่ หรือสมาคมกับบัณฑิต แต่ไม่
สามารถขวนขวาย ใส่ใจ หรือน้อมนำมาที่จะประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒-หน้าที่ 190 "ถ้าคนพาล เข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตอยู่ แม้จน ตลอดชีวิต, เขาย่อมไม่รู้ธรรม เหมือนทัพพีไม่รู้รส แกงฉะนั้น." อธิบายว่า เหมือนอย่างว่า ทัพพี แม้คนแกงต่างชนิด มีประการต่างๆ อยู่จนกร่อน
ไป ย่อมไม่รู้รสแกงป่า 'นี้รสเค็ม, นี้รสจืด, นี้รสขม, นี้รสขื่น, นี้รสเผ็ด, นี้รส
เปรี้ยว, นี้รสฝาด ฉันใด; คนพาลเข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตลอดชีวิต ย่อมไม่รู้ธรรม
มีประการดังกล่าวแล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน.
พระธรรมเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง ความเป็นผู้ละเอียดและเคารพในพระธรรมจึงจะได้ประโยชน์
จากพระธรรมคือเข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา
และขัดเกลากิเลสที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ด้วยความเห็นถูกว่าไม่มีเราที่จะทำ ไม่มี
เราที่จะละ แต่เป็นหน้าที่ของธรรมที่ค่อยๆ รู้ความจริง อันเกิดจากการฟังธรรมให้เข้าใจที
ละเล็กละน้อย ศึกษาด้วยความเป็นเรา ด้วยความต้องการและเข้าใจหนทางผิดย่อมไม่-
ได้ประโยชน์จากการศึกษาพระธรรม แม้จะได้ใกล้ผู้รู้แต่ก็ไม่ต่างจากทัพพีที่ไม่รู้รสแกง
ไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมและขัดเกลากิเลสครับ ฟังธรรมเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่เพื่อจะทำ
ขออนุโมทนาครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอเลือกที่จะละความเห็นผิดด้วยการฟังพระธรรมให้เข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง สิ่งที่ปรา-
กฎขณะนี้ไม่ว่าทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจว่าเป็นสิ่งที่มี
จริงเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ค่อยๆ อบรมความเห็นถูกเข้าใจถูกในสิ่งที่ปรากฎอยู่ขณะ
นี้ว่าเป็นธรรมะ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนใดๆ ทั้งสิ้น จึงขาดความเข้าใจในการฟังพระธรรมไม่ได้ เพราะเมื่อมีความเข้าใจถูกในสภาพธรรมที่มีอยู่ขณะนี้ว่า
เป็นเพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย เมื่อมีความเข้าใจที่ค่อยๆ มั่น
คงขึ้น การสะสมความเข้าใจในการฟังจึงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ความเข้าใจที่มั่นคงไม่หันเหไปจากสภาพธรรมที่ปรากฎอยู่ขณะนี้ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
"ถ้าคนพาล เข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตอยู่ แม้จนตลอดชีวิต,
เขาย่อมไม่รู้ธรรม เหมือนทัพพีไม่รู้รสแกงฉะนั้น."
การได้เข้าไปนั่งใกล้บัณฑิต แต่ไม่เข้าใจธรรม ขณะนั้นเป็น คนพาล ถ้าเช่นนั้น เราก็คงเป็นคนพาลบ้าง ไม่พาลบ้าง เพราะบางครั้งก็เข้าใจ บางครั้งก็ไม่เข้าใจ บางทีเราก็เป็นคนได้ชิมรสแกง และบางที่เราก็เป็น เพียงทัพพี (ได้เป็นทัพพีคนแกง ก็ยังดีกว่า เป็นทัพพีที่คนคูถ) เราไม่ได้หัน เหไปทางอื่น อย่างน้อยการได้นั่งใกล้บัณฑิต ย่อมดีกว่านั่งใกล้เดียรถีย์
ขอยอมเป็นทัพพีที่ไม่รู้รสแกงไปก่อน
เพราะถึงยังไงก็ยังได้นั่งใกล้กับบัณฑิตค่ะ
ขออนุโมทนาคุณ Khaeota
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นของยาก การได้ฟังพระสัทธรรม ก็เป็นของยาก ขณะนี้แต่ละบุคคล ได้ความเป็นมนุษย์แล้ว และเพราะได้สะสมเหตุที่ดีมา จึงมีโอกาสให้ได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม ได้เข้าใจพระธรรมตามกำลังปัญญาของตนเอง ดังนั้น จึงควรที่จะพิจารณาอยู่เสมอว่า เมื่อได้ความเป็นมนุษย์แล้ว พระธรรมก็ยังมีผู้แสดงเพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง อยู่ ก็ไม่ควรที่จะประมาท พึงเป็นผู้ตั้งตนไว้ชอบในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม จุดประสงค์ ก็เพื่อเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง เพื่อขัดเกลากิเลสซึ่งมีมากในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่ศึกษาเพื่ออย่างอื่น ไม่ใช่-ศึกษาเพื่อเพิ่มกิเลส เพิ่มมานะให้กับตนเอง การเข้าไปนั่งใกล้บัณฑิต สำหรับผู้ที่มีความเข้าใจย่อมไม่ไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน เพราะจะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา จากการฟัง การศึกษาแต่ละครั้ง ความเข้าใจย่อมจะเจริญขึ้นไปตามลำดับ (ไม่ใช่เพียงแค่วันนี้ ปีนี้ ชาตินี้ เท่านั้น แต่ต้องสะสมความเข้าใจต่อไปอีกเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน) และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ความตายเป็นสิ่งที่แน่นอนสำหรับทุกชีวิต แต่ละบุคคลไม่สามารถที่จะล่วงรู้ได้ว่าโอกาสในการที่จะได้เจริญกุศล โอกาสที่จะได้เข้าใจธรรมในชาตินี้ จะเหลืออยู่อีกเท่าใด ในแต่ละวันจึงควรที่จะเป็นโอกาสของการเจริญกุศล อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ไปตามลำดับ ครับ ..
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...