กาล...ที่กรรมจะให้ผล (๑)

 
พุทธรักษา
วันที่  22 มี.ค. 2552
หมายเลข  11723
อ่าน  993

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ท่านอาจารย์ ต่างคน ต่างก็สะสม ต่างๆ กันมาและไม่มีใครสามารถที่จะรู้ ว่า ได้สะสมอะไรกันมาบ้าง แต่ก็มีเวลา หรือ "กาล" ที่สภาพธรรม ที่ได้สะสมมาแล้ว จะเกิดขึ้น และ ปรากฏให้รู้ได้ ในขณะที่กำลังหลับสนิท ไม่ต่างกันเลย ใช่ไหม โจรผู้ร้าย พระโสดาบัน พระอรหันต์ ฯลฯ ที่เหมือนกันหมดนั้น ก็คือ ไม่มีการพูด ฯลฯ และ ไม่มีการการคิดนึก ถึงสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่ได้สะสมมาแล้วนั้น เมื่อไรถึงจะเกิด เห็นไหม ว่า สะสมมาทำไม ทั้งฝ่าย กุศล และ ฝ่าย อกุศล สิ่งที่ได้สะสมมาแล้วนั้น ถ้าไม่มีเหตุปัจจัย ที่จะทำให้มีอะไรเกิดขึ้น ก็คือ ว่างเปล่า

แต่ สิ่งที่ได้สะสมมาแล้วนั้น สามารถเกิดขึ้น และ สามารถที่จะปรากฏให้จิต รู้ได้เมื่อ วิถีจิตขณะแรก เกิดขึ้น ถ้าเป็น วิถีจิตแรก ทางตา ก็คือว่า จะต้องมี รูป ซึ่ง มีอายุสั้นมาก รูป ที่สามารถกระทบกับ จักขุปสาท และมี จักขุปสาท ซึ่ง ก็มีอายุสั้นมากด้วย คือ เกิดขึ้น แล้วดับไป อย่างรวดเร็ว ขณะจิตนั้นๆ เป็น "กาล" ที่กรรมจะให้ผลหมายความว่า จิต ที่เป็น วิถีจิตแรก จะต้องเกิดขึ้น และขณะนั้น จะไม่ใช่ จิต ที่เป็น ภวังคจิตอีกต่อไป

ธรรมดา ธรรมชาติ ของจิต ที่ดำรงภพชาติ นั้นมีการเกิดและดับ สืบต่อกันตลอดเวลา คือ ภวังคจิต แต่ในขณะที่ "รู้อารมณ์ใหม่" จิต ที่รู้อารมณ์ใหม่นั้น จะเกิดทันทีไม่ได้ หมายความว่า จากขณะที่เป็น ภวังคจิต ก็มีเหตุปัจจัย ทำให้มีการ "รู้อารมณ์ใหม่" จิต เริ่มที่จะรู้อารมณ์ใหม่ โดยเป็น ภวังคจลนะ เกิดขึ้น ๑ ขณะ แล้วดับไปเป็นปัจจัยให้ ภวังคุปัจเฉทะเกิดขึ้น ๑ ขณะ ซึ่งเป็นขณะที่ ๒ เกิดขึ้น แล้วก็ดับไป ถ้าได้ยินคำว่า ภวังคุปัจเฉทะ เมื่อไร ก็หมายความว่า ขณะจิตต่อไปนั้น จะเป็น ภวังคจิต อีกต่อไป ไม่ได้แล้ว เพราะว่า ภวังคุปัจเฉทะ หมายถึง การสิ้นสุดของกระแส ภวังคจิต นี่แหละ สิ่งที่สะสมมาในจิตของแต่ละคน จะเริ่มปรากฏแล้ว (ก็คือ กาล ที่กรรมจะให้ผล) โดยถ้าเป็น ทางปัญจทวารคือ วิถีจิตทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย วิถีจิตแรก ก็คือ ปัญจทวาราวัชชนจิต และ ในขณะที่ ปัญจทวาราวัชชนวิถีจิต เกิดขึ้นจิตขณะนั้น เพียงรู้ว่า อารมณ์ ที่มากระทบนั้นๆ เกิดทางทวารไหน เท่านั้น แต่ขณะนั้น ยังไม่มีการเห็น ไม่มีการได้ยิน ไม่มีการได้กลิ่นไม่มีการรู้รส และ ไม่มีรู้การสิ่งที่กระทบสัมผัส ใดๆ ทั้งสิ้น

ปัญจทวาราวัชชนจิต

ถ้ามี อารมณ์ที่สามารถกระทบ จักขุปสาท ก็เป็นเหตุปัจจัยให้ จิต ซึ่งเป็นวิถีแรก เกิดขึ้นแล้วจิตนี้ ก็รู้ ว่า มีอารมณ์ กระทบตา และถ้าเป็นอารมณ์ ทางหู (เสียง ที่กระทบโสตปสาท) จิตนี้ ก็รู้อีกว่า มีอารมณ์ กระทบหู. แต่ขณะนั้นๆ ไม่มีการเห็น การได้ยิน (เป็นต้น) เพราะฉะนั้นปัญจทวาราวัชชนจิต เป็น วิถีปฏิปาทกมนสิการ เมื่อ วิถีจิตแรก เกิดขึ้น แล้วก็ดับไป ก็จะเป็นเหตุปัจจัยให้จิตขณะต่อๆ ไป เกิดขึ้นและ รู้อารมณ์เดียวกัน ที่เกิดกับ จิตวิถีแรก

จะไม่มีวิถีจิต ที่เกิดขึ้น เพียง ๑ ขณะเลย เพราะฉะนั้น วิถีจิตแรก ทางปัญจทวาร คือ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายเรียกว่า ปัญจทวาราวัชชนจิต วิถีจิตแรก ทางมโนทวาร คือ ทางใจ (หทยรูป) เรียกว่า มโนทวาราวัชชนจิต ชื่อว่า เป็นแดนเกิดของธรรม ที่ได้สะสมมาแล้ว ทั้งหมด เมื่อไร ที่จะอารมณ์ จะปรากฏ ถ้าไม่มีสิ่งที่ปรากฏ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และ การนึกคิด ทางใจ สิ่งที่ได้สะสมมาแล้ว จะปรากฏไม่ได้เลย และ สิ่งที่ได้สะสมมาแล้วนั้น จะปรากฏ เมื่อ วิถีจิตแรก เกิดขึ้น

ขณะที่เป็น ปัญจทวาราวัชชนจิต จิตขณะนั้น เป็น ชาติกิริยาเพราะว่า อารมณ์ ที่มากระทบนั้น ไม่ว่าจะเป็น อารมณ์ที่ดี หรือ ไม่ดี จิตขณะนั้น เพียงเกิดขึ้น แล้วทำกิจรู้ว่า มีอารมณ์มากระทบ เท่านั้น..เพราะฉะนั้น ปัญจทวาราวัชชนจิตจึงเป็น แดนเกิด ของสิ่งที่แต่ละคน ได้สะสมมาแล้ว และเป็น "ขณะ" หรือ "กาล" ที่จะปรากฏให้จิต รู้ได้ ว่าแต่ละคน ได้สะสมอะไรมาบ้าง มากน้อยแค่ไหนทั้ง กุศลธรรม และ อกุศลธรรม

สำหรับขณะจิตที่เป็น ปัญจทวาราวัชชนจิต นั้น ไม่ใช่ อกุศลวิบากจิต และ ไม่ใช่ กุศลวิบากจิต แต่เป็น กิริยาจิต คือ จิตที่เกิดขึ้น ก่อนการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรู้รส และการรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ทางกาย พระอรหันต์ มีไหม วิถีจิตแรก ลองสมมติ ว่า เป็น พระอรหันต์ จิตขณะแรก ก่อนที่จะเกิดการเห็น มีปัญจทวาราวัชชนจิต เกิดขึ้น เป็น วิถีจิตแรก ทางตา เป็น จักขุทวาราวัชชนจิตเป็น อาวัชชนจิต ซึ่งเป็น กิริยาจิต และเมื่อ กิริยาจิต ดับไปแล้วก็เป็นเหตุปัจจัยให้ถึง "กาล" ที่วิบากจิต เกิดขึ้นคือ การให้ผล ของกรรมที่ได้กระทำแล้ว นั่นเอง ซึ่งจะเกิดขึ้น ปรากฏเป็น อารมณ์ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และ ทางใจ

พื้นฐานอภิธรรมวันอาทิตย์ ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ ณ อาคารมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

บรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ถอดเทป โดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล


ขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 23 มี.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pornpaon
วันที่ 23 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 24 มี.ค. 2552

ขอเรียนถามท่านอาจารย์วิทยากรค่ะว่า ปัญจทวาราวัชชนจิต และมโนทวาราวัชชนจิตนั้นชื่อว่า เป็นแดนเกิดของธรรม ที่ได้สะสมมาแล้ว ทั้งหมดนั้น หมายความว่า ถ้าไม่มีปัญจทวาราวัชชนจิต และมโนทวาราวัชชนจิตซึ่งเป็นวิถีจิตแรกเกิดขึ้น กาลที่กรรมจะให้ผลก็เกิดขึ้นไม่ได้ ถูกไหมค่ะ

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
prachern.s
วันที่ 25 มี.ค. 2552
ถูกต้องครับ ตามนัยของมูลสูตรทรงแสดงไว้เช่นนั้น และโดยนัยของวิถีจิตก็เช่นกัน
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 25 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
คุณ
วันที่ 2 เม.ย. 2552
ขออนุโมทนาคะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ