พระโสดาบันหลงลืมสติเป็นอย่างไร?

 
สามารถ
วันที่  25 มี.ค. 2552
หมายเลข  11750
อ่าน  1,466

ปุถุชนเมื่อไม่หลงลืมสติ ก็สามารถระลึกรู้ลักษณะตามความเป็นจริงของสิ่งที่ปรากฎได้ว่าเป็นเพียงสิ่งหนึ่งๆ ธรรมชาติหนึ่งๆ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล แต่เมื่อหลงลืมสติก็ยังจะเป็นตัวเราของเราขึ้นมาทันที สำหรับพระโสดาบันผู้หมดความเห็นผิดแล้ว แต่ก็ยังมีอกุศลจิตที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ ขณะนั้นย่อมจะไม่ประกอบด้วยสติใช่ไหมครับ แล้วพระโสดาบันจะเป็นตัวเราของเราอย่างไร ในเมื่อเป็นผู้หมดความเห็นผิดในความเป็นสัตว์เป็นบุคคลแล้ว ขอผู้มีความรู้ได้อธิบายครับ 

ขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 25 มี.ค. 2552
ขณะที่พระโสดาบันบุคคล จิตเป็นอกุศล ชื่อว่าหลงลืมสติ แต่ท่านไม่มีความเห็นผิดในสภาพธรรมที่ปรากฏว่าเป็นตัวตนของเรา แต่ความเป็นเราด้วยโลภะหรือมานะท่านยังละไม่ได้ ดังนั้นความยึดถือสภาพธรรม ด้วยโลภะหรือด้วยมานะย่อมมีได้ครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
sirijata
วันที่ 26 มี.ค. 2552

ขอบพระคุณอาจารย์และคุณสามารถที่ช่วยตอบ-ถาม ทำให้หายข้องใจค่ะ

พระโสดาบันละสักกายทิฏฐิ ไม่ยึดถือตัวตนว่าเป็นของเรา แต่ยังยึดถือสภาพธรรมอื่นๆ เช่น มานะ โลภะ เป็นต้น พระธรรมละเอียดลึกซึ้งต้องศึกษามากๆ กว่าจะเข้าใจแจ่มแจ้งตอนนี้พอเข้าใจขึ้นบ้างแล้วค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
สามารถ
วันที่ 26 มี.ค. 2552

"แต่ความเป็นเราด้วยโลภะหรือมานะ" นี้หมายความว่าอย่างไรครับ ขอรบกวนผู้มีความรู้ อธิบายเพิ่มเติมให้ผมทราบด้วยครับ

ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
สามารถ
วันที่ 26 มี.ค. 2552

(ความเห็นที่ 3 นี้ ถามคำถามจากข้อความใน ความเห็นที่ 2 ของคุณ prachern.s ครับ)

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 26 มี.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จากความคิดเห็นที่ ๓ พระโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลขั้นต้นที่สามารถประจักษ์แจ้งพระนิพพาน และดับกิเลสได้เป็นบางส่วน กล่าวคือ ท่านละความเห็นผิดทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ละการยึดถือในข้อวัตรปฏิบัติที่ผิดได้ ละความลังเลสงสัยในสภาพธรรมได้ ละความตระหนี่ ละความริษยาได้ เป็นผู้ไม่มีความลำเอียงด้วยอำนาจของอคติ และนอกจากนั้น โลภะ โทสะ โมหะที่เป็นเหตุให้ไปสู่อบายภูมิ พระโสดาบันท่านก็ละได้หมด เพราะพระโสดาบันเป็นผู้ปิดประตูอบายได้แล้ว แต่เนื่องจากว่าพระโสดาบันยังเป็นผู้ที่มีกิเลสเหลืออยู่ ยังมีอกุศลจิตเกิดขึ้น ยังมีความติดข้องยินดีพอใจ ยังมีมานะ ความสำคัญตน แต่ท่านไม่มีความเห็นผิด (โลภะที่เกิดร่วมกับความเห็นผิด จึงไม่มีแก่ท่าน) ดังนั้น พระโสดาบัน ขณะที่ท่านมีความยินดีพอใจในสิ่งหนึ่งสิ่งใด ขณะนั้นเป็นการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเราด้วยอำนาจของโลภะ และอีกประการหนึ่ง ขณะที่พระโสดาบันมีความสำคัญตนตามที่เป็นจริงว่า เราดีกว่าคนอื่น เราต่ำกว่าคนอื่น เราเสมอกับคนอื่นขณะนั้น เป็นการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเราด้วยมานะ (ความสำคัญตน,ความถือตน) สำหรับโลภะและมานะ ส่วนละเอียด จะดับได้อย่างเด็ดขาดด้วยอรหัตตมรรค ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
saifon.p
วันที่ 26 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 27 มี.ค. 2552
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wannee.s
วันที่ 29 มี.ค. 2552

พระโสดาบันยังมีโลภะที่ติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เช่น ท่านอนาถบิณฑิก เศรษฐีลูกสาวตายก็ร้องไห้ แต่ท่านก็ไม่ได้มีความเห็นผิดว่าเป็นสัตว์บุคคลตัวตน หรือ พระเจ้ามหานามเป็นพระสกทาคามีก็ยังมีมานะถือตัวว่าเป็นกษัตริย์ ฯลฯ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
happyindy
วันที่ 29 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
petcharath
วันที่ 29 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ajarnkruo
วันที่ 31 มี.ค. 2552

เอาชื่อออก ธรรมะก็ยังมีจริง และก็ยังทรงไว้ซึ่งลักษณะอย่างนั้นๆ ไม่เปลี่ยนไป ไม่ว่าธรรมะประเภทไหนจะเกิดกับผู้ใดก็ตาม ปุถุชนหลงลืมสติ ก็เป็นอกุศล พระโสดาบันพระสกทาคามี พระอนาคามี หลงลืมสติ ก็ต้องเป็นอกุศล แต่จะเป็นอกุศลประเภทใด ก็ต้องแล้วแต่ประเภทของอกุศลประเภทนั้นๆ ว่า เป็นอกุศลที่ยังไม่ได้ดับ หรือว่า เป็นอกุศลที่ได้ดับแล้วด้วยปัญญา และเมื่อถึงความเป็นพระอรหันต์ ภาวะหลงลืมสติก็จะไม่มีอีกต่อไป เพราะปัญญาได้ดับอกุศลประเภทเป็นสมุจเฉทแล้วครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 5 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ