ไม่ใช่เพียงแต่รู้ชื่อ แต่ควรรู้พร้อมสติ

 
สารธรรม
วันที่  26 มี.ค. 2552
หมายเลข  11779
อ่าน  1,202

(พระเจดีย์ ณ วัดเจดีย์เหลี่ยม (กู่คำหลวง) อ.สารภี จ.เชียงใหม่)

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ข้อความบางตอนจาก

แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ ๙๙๑

บรรยายโดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ไม่ใช่เพียงแต่รู้ชื่อ แต่ควรรู้พร้อมสติ

ถาม อาจารย์ยังไม่ได้พูดถึงกุศลจิตมีเท่าไร อกุศลจิตมีเท่าไร วิบากจิตและกิริยาจิตมีเท่าไร อาจารย์ก็ยังไม่ได้บอก

สุ. ขอให้เข้าใจประเภทไว้ก่อน แล้วเข้าใจด้วยว่า เป็นสิ่งที่รู้ยาก ถ้าสติไม่ระลึกรู้ลักษณะของจิตจริงๆ โดยมากมักจะถามกันว่า ทำอย่างนี้เป็นกุศลหรืออกุศลคิดอย่างนี้เป็นกุศลหรืออกุศล จะรู้ได้อย่างไร จิตเกิดไปแล้วดับไปแล้ว แล้วกุศลจิตและอกุศลจิตก็เกิดดับสลับกันรวดเร็วมาก และถ้าไม่ศึกษาโดยเหตุโดยผลจริงๆ ย่อมจะถือกุศลเป็นอกุศลก็ได้ หรือ ย่อมจะถืออกุศลเป็นกุศลก็ได้ ซึ่งผู้ที่ศึกษาธรรมต้องเป็นผู้ที่ละเอียด เป็นผู้ที่ไม่ประมาท เพราะถ้าประมาทแล้วจะเข้าใจสภาพธรรมผิด ซึ่งจะนำไปสู่การประพฤติปฏิบัติที่ผิด แล้วจะทำให้เข้าใจว่าพ้น คือว่า หลุดพ้นจากกิเลสแล้ว แต่ว่า (ที่) ผิด (นั้น) เป็นมิจฉาวิมุติ (เป็น) มิจฉาญาณ เพราะไม่สามารถทำให้ดับกิเลสได้จริงๆ นี่เป็นเรื่องที่ละเอียดจริงๆ

เพราะฉะนั้น เรื่องของกุศลและอกุศลเป็นเรื่องที่สำคัญนะคะ สำคัญถึงแค่ไหน สำคัญถึงขั้นที่ควรจะประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ ที่จะรู้ลักษณะของจิตที่เป็นกุศลว่าต่างกับจิตที่เป็นอกุศล ถ้ามิฉะนั้นแล้ว อาจจะเข้าใจว่า (เป็น) กุศล ซึ่งความจริงไม่ใช่กุศล เพราะฉะนั้น (ถ้าหากเข้าใจผิดอย่างนั้นแล้ว) แทนที่จะอบรมเจริญปัญญาที่จะละอกุศล ก็กลับจะเพิ่มอกุศล เพราะขณะนั้นเป็นอกุศล ไม่ใช่เป็นกุศล

เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เพียงแต่จะรู้ชื่อว่า มีกี่ดวง หรือกี่ประเภท อย่างไร แต่ควรที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ กำลังเกิดขึ้น พร้อมสติสัมปชัญญะ

(พระพุทธรูปในพระวิหารวัดเจดีย์เหลี่ยม (กู่คำหลวง) อ.สารภี จ.เชียงใหม่)

[๑๗๘] เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอครอบงำสิ่งทั้งปวง สิ่งทั้งปวงที่ยิ่งขึ้นไปกว่าสิ่งอะไร ย่อมไม่มี สิ่งทั้งปวงเป็นไปตามอำนาจของธรรมอันหนึ่ง คืออะไร

[๑๗๙] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ชื่อ ย่อมครอบงำสิ่งทั้งปวงสิ่งทั้งปวงที่ยิ่งขึ้นไปกว่า ชื่อ ไม่มีสิ่งทั้งปวงเป็นไปตามอำนาจของธรรมอันหนึ่งคือ ชื่อ

อันธวรรคที่ ๗

๑. นามสูตร

ว่าด้วยเทวตาปัญหา ๓ ข้อ

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๒๘๔

คลิกเพื่ออ่าน

ไม่ใช่รู้ชื่อเฉยๆ ว่า มีจิตเท่าไร พระสูตรเรื่องอะไรบ้าง

ขออุทิศส่วนกุศลแด่สรรพสัตว์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
พุทธรักษา
วันที่ 27 มี.ค. 2552

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เบน
วันที่ 27 มี.ค. 2552

อ่านแล้วเก็บมาฝาก

ชีวิตจริงๆ มีแต่ชื่อหรือเป็นธรรม ก็เต็มไปด้วยชื่อ แต่ไม่รู้ว่า แท้จริงแล้ว เราไม่รู้จักตัวธรรมที่เราได้ยินชื่อ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 27 มี.ค. 2552

ก่อนที่จะมาศึกษาคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราอยู่ในโลกของสมมติบัญญัติ สมมติกันว่าเป็นคน สัตว์ สิ่งของต่างๆ ชื่อต่างๆ แล้วแต่จะตั้งชื่อกัน แต่ ตามความเป็นจริงพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ความจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่จริงๆ นั้นเป็น เพียงนามธรรม และรูปธรรมเท่านั้น สิ่งที่ชาวโลกสมมติกันว่าเป็นคน เป็นสัตว์แท้จริง แล้วก็เป็นเพียง จิต เจตสิก รูป เท่านั้นที่เกิดดับสืบต่ออยู่ตลอดเวลาตั้งแต่อดีตจนถึง ขณะนี้ไม่มีแม้ขณะเดียวที่เป็นเรา สภาพธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นแล้วหมดไปจึงไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาได้จึงเป็นอนัตตา สภาพธรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้น และดับไปเป็นสิ่งที่รู้ได้ยาก ควรที่จะศึกษา พระธรรมให้เข้าใจในลักษณะสภาพธรรมจริงๆ พิจารณาไตร่ตรองให้เกิดความเห็นถูก เข้าใจถูก ค่อยๆ อบรมเจริญปัญญาจนกว่าสติระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ ว่าเป็นเพียงธรรม ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ชื่อต่างๆ ที่สมมติกันขึ้นมาซึ่งไม่มีสภาวะจริง

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 27 มี.ค. 2552

เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เพียงแต่จะรู้ชื่อว่า มีกี่ดวง หรือกี่ประเภท อย่างไร แต่ควรที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ กำลังเกิดขึ้นพร้อมสติสัมปชัญญะ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
suwit02
วันที่ 27 มี.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan.c
วันที่ 28 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pornpaon
วันที่ 28 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
hadezz
วันที่ 29 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 2 ก.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ