การเจริญเมตตา...การแผ่เมตตา

 
พุทธรักษา
วันที่  28 มี.ค. 2552
หมายเลข  11797
อ่าน  1,573

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การเจริญเมตตา เป็น การเจริญ สมถภาวนาส่วนการแผ่ส่วนกุศล เป็น การอุทิศส่วนกุศล คือ ทานกุศล ที่เป็น ปัตติทาน เรื่องของ "การภาวนา" เป็นการอบรมให้เกิดขึ้น จนเป็นอุปนิสัย คือ การอบรมให้เกิดขึ้น บ่อยๆ เนืองๆ

เพราะฉะนั้น ท่านมีเมตตา จริง แต่ว่า เล็กน้อยเหลือเกิน ไม่มากเลย และเกิดกับบางท่าน บางบุคคล ฯ เท่านั้น ตามความจริงแล้ว สำหรับเรื่อง การแผ่เมตตา ก่อนที่ท่านจะแผ่เมตตา ไปให้แก่บุคคลอื่นนั้นจิต ของท่านในขณะนี้ มีเมตตากับใครบ้าง ยังมีความติดขัด อยู่ที่บุคคลไหน ก็แผ่ไปอย่าเพิ่งข้าม ไปถึง สัตว์ บุคคล อื่นๆ

การอบรม เจริญเมตตา ที่ว่า "กว้างขึ้น" นั้นหมายความว่า ไม่จำกัด อยู่เฉพาะในวงแคบคือ ในบุคคล ในกลุ่ม ในหมู่คณะของท่าน แต่จะต้องกว้างออกๆ จนถึงสัตว์ทุกชนิด ฯ ต่อเมื่อไร ที่ความเมตตา สามารถไปถึง สัตว์ ทุกชนิด ทุกชีวิต ได้จริงๆ เป็น ความเมตตาที่เปี่ยมล้นอย่างแท้จริง ก็ไม่ต้องหวั่นเกรง อันตรายใดๆ ทั้งสิ้น

แต่ต้องเข้าใจ ความหมาย ของการแผ่เมตตา คือ ขณะนั้น จิต ต้องประกอบด้วยเมตตาจริงๆ (ในขณะนั้น จิต ปราศจาก โลภะ โทสะ โมหะ) ซึ่งถ้า จิต ในขณะนั้น เป็นเมตตา จริงๆ แล้วจิต ในขณะนั้น ไม่มีความโกรธ ไม่เบียดเบียน ทั่วพร้อมทั้ง ทางกาย ทางวาจา และ ทางใจ

เพราะฉะนั้น การอบรมเจริญ ความสงบ หรือ การอบรมเจริญกุศล ขั้น ภาวนา นั้นจะต้องเกิด พร้อมกับ สติ สัมปชัญญะ หมายความว่า ขณะนั้น จิต รู้ลักษณะ ของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ ตามปกติ ตามความเป็นจริง ก็แล้วแต่ ว่า จะเป็น ในขั้นของ สมถภาวนา หรือเป็นขั้นของ สติปัฏฐาน ซึ่ง เป็นขั้น วิปัสสนาภาวนา

ถ้า เป็นขั้น สมถภาวนา ก็หมายความว่า เป็น "ตัวท่าน" นั้นแหละ ที่เปี่ยมไปด้วย ความเมตตา คือ ไม่ใช่ สภาพธรรม ที่เป็นความเมตตา สภาพธรรม ซึ่งไม่ใช่ ตัวตน สัตว์ บุคคล แต่ยังมีความเป็น "เรา" ที่มี ความเมตตา หมายความว่า ยังมีความเป็น "เรา" เป็นผู้ที่มีความเปี่ยมไปด้วย ความเมตตา และ ถึงแม้ว่า ท่านจะสามารถ แผ่เมตตา ไปได้กว้างไกล สักเท่าไร ก็ตาม ถ้าสติ ไม่ระลึกรู้ "ลักษณะของความเมตตา" ตามความจริง ว่า ไม่ใช่ สัตว์ บุคคล ตัวตน ขณะนั้น ก็ยังเป็น ปัญญา ขั้น สมถภาวนา คือ ยังมีความยึดถือว่า "ตัวท่าน" เป็นผู้ที่ประกอบด้วยความเมตตา

ถ้าไม่มี การอบรม เจริญเมตตา เป็นปกติ ในชีวิตประจำวันจนเป็นอุปนิสสัย แล้วละก็ อย่างเช่น เวลาที่เจองู ท่านแผ่เมตตา ได้จริงๆ หรือเปล่า ถ้าไม่เคยอบรม เจริญเมตตา ที่จะให้มีเมตตาเป็นปกติ โดยเป็นอุปนิสสัยเวลาที่เจองู ก็คงจะแผ่เมตตาไม่ทันแน่

เพราะฉะนั้น ก็ตรงกับ คำว่า "ภาวนา" การอบรม ให้มีมากขึ้น จนเป็นอุปนิสสัย อุปนิสสัย ที่จะเป็นผู้สงบ คือ สงบจาก โลภะ โทสะ โมหะ เป็น สมถภาวนา

แนวทางเจริญวิปัสสนาครั้งที่ ๖๐๐ บรรยาย โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ถอดเทป โดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล

ขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 29 มี.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
happyindy
วันที่ 29 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
คุณ
วันที่ 29 มี.ค. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Komsan
วันที่ 29 มี.ค. 2552
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pamali
วันที่ 22 มิ.ย. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
michii
วันที่ 10 ส.ค. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nopwong
วันที่ 8 เม.ย. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ