ความสมบูรณ์ของการสังคายนาพระธรรมวินัย ครั้งที่ ๑
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความที่ พระผู้มีพระภาค ทรงพยากรณ์ ว่าท่านพระอานนท์ จะปรินิพพาน ในอัตตภาพนี้หมายความว่า ท่านพระอานนท์ จะบรรลุธรรมเป็น พระอรหันต์ ในชาตินี้ ข้อความ มีปรากฏใน อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ทุติยปัณณาส อานันทวรรค ที่ ๓ จูฬนีสูตร ความต่อไป มีว่า ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสปะ ประกาศให้สงฆ์ทราบด้วย ญัตติกรรมวาจา ว่า ดังนี้
ญัตติกรรมวาจา
"ท่านทั้งหลาย ขอสงฆ์ จงฟังข้าพเจ้าถ้าความพร้อมพรั่ง ของสงฆ์ ถึงที่แล้วข้าพเจ้า จะพึงถามพระวินัย จาก ท่านพระอุบาลี".ท่านพระอุบาลี ประกาศให้สงฆ์ทราบ ว่า ดังนี้ ญัตติกรรมวาจา "ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์ จงฟังข้าพเจ้าถ้าความพร้อมพรั่ง ของสงฆ์ ถึงที่แล้วข้าพเจ้า อันท่านพระมหากัสสปะ ถามพระวินัยแล้ว จะพึง วิสัชชนา" นี่คือ การสังคายนาพระธรรมวินัย โดย บรรดาพระอรหันต์ ทั้งหลาย ในการสังคายนา พระธรรมวินัย ครั้งที่ ๑ ซึ่งมี ท่านพระมหากัสสปะ เป็นผู้ถามพระวินัย และ ท่านพระอุบาลี เป็นผู้วิสัชชนา พระวินัย ถ้าผู้ถาม ไม่ใช่ พระอรหันต์ และผู้ตอบ ไม่ใช่ พระอรหันต์ ย่อมจะ ไม่รู้แจ้งใน "เหตุ-ผล" ที่พระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติ สิกขาบท ต่างๆ และ ผู้ถามนั้นต้องเป็นผู้ที่ "ทรงความรู้จริง" จึงจะถามได้ถ้า ผู้นั้น ยังไม่มีความรู้อะไรเลย จะให้ถาม ก็คงถามไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่จะถามเพื่อที่จะให้ผู้อื่น แสดงข้อความ ที่ชัดเจน แจ่มแจ้ง ถูกต้องผู้ที่ถาม ก็จะต้องเป็นผู้ที่ มีความรู้จริง ในเรื่องที่จะถามด้วย
สำหรับ ในเรื่อง "ธรรม" ท่านพระอานนท์ เป็นผู้วิสัชชนาธรรม ซึ่งข้อความใน พระวินัย จุลวรรค ภาค ๒ ปัญจสติกขันธกะ มีข้อความ ว่า ท่านพระอานนท์ วิสัชชนา ธรรม ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสปะ ประกาศให้สงฆ์ทราบด้วย ญัตติกรรมวาจา ว่า ดังนี้ ญัตติกรรมวาจา "ท่านทั้งหลาย ขอสงฆ์ จงฟังข้าพเจ้า ถ้าความพร้อมพรั่ง ของสงฆ์ ถึงที่แล้ว ข้าพเจ้า จะพึงถาม ธรรม กับ ท่านพระอานนท์"
ท่านพระอานนท์ ประกาศให้สงฆ์ทราบด้วย ญัตติกรรมวาจา ว่า ดังนี้ ญัตติกรรมวาจา "ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์ จงฟังข้าพเจ้าถ้าความพร้อมพรั่ง ของสงฆ์ ถึงที่แล้วข้าพเจ้า อันท่านพระมหากัสสปะถามธรรม แล้ว จะพึง วิสัชชนา".ต่อจากนั้น ก็เป็นการ วิสัชชนา "ธรรม" ต่อจาก "พระวินัย" นี้เป็นความสมบูรณ์ของการสังคายนาพระธรรมวินัย ครั้งที่ ๑
แนวทางเจริญวิปัสสนาครั้งที่ ๖๐๑ บรรยาย โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ถอดเทป โดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล
ขออนุโมทนา
สาธุ
ผมขอเสนอข้อความใน จูฬนีสูตร (บางส่วน) ที่กระทู้นี้อ้างถึงครับ
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 431
๑๐. จูฬนีสูตร
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคพึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ให้รู้แจ้งด้วยพระสุรเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่ พระองค์ทรงมุ่งหมายอย่างไร ฯ
พ. ดูกรอานนท์ พระตถาคตในโลกนี้ พึงแผ่รัศมีไปทั่วโลกธาตุอย่าง ใหญ่ ประมาณแสนโกฏิจักรวาล เมื่อใด หมู่สัตว์พึงจำแสงสว่างนั้นได้ เมื่อนั้น พระตถาคตพึงเปล่งพระสุรเสียงให้สัตว์เหล่านั้นได้ยิน พระตถาคตพึงทำให้โลกธาตุ อย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง หรือ พึงทำให้รู้ แจ้งได้เท่าที่พระองค์ทรงมุ่งหมาย ด้วยอาการเช่นนี้แล ฯ เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสดังนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ ได้กราบทูลว่า เป็น ลาภของข้าพระองค์หนอ ข้าพระองค์ได้ดีแล้วหนอ ที่ข้าพระองค์มีพระศาสดาผู้มีฤทธิ์ มีอานุภาพมากอย่างนี้ เมื่อท่านพระอานนท์กราบทูลอย่างนี้แล้ว ท่านพระอุทายีได้ กล่าวกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ ในข้อนี้ท่านจะได้ประโยชน์อะไร ถ้า ศาสดาของท่านมีฤทธิ์ มีอานุภาพมากอย่างนี้ เมื่อท่านพระอุทายีกล่าวอย่างนี้
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท่านพระอุทายีว่า ดูกรอุทายี เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้ ถ้าอานนท์ ยังไม่หมดราคะเช่นนี้ พึงทำกาละไป เธอพึงเป็นเจ้าแห่งเทวดาในหมู่เทวดา ๗ ครั้ง พึงเป็นเจ้าจักพรรดิในชมพูทวีปนี้แหละ ๗ ครั้ง เพราะจิตที่เลื่อมใสนั้น
ดูกรอุทายี ก็แต่ว่าอานนท์จักปรินิพพานในอัตภาพนี้เอง ฯ
ขอเชิญอ่านรายละเอียดอื่นๆ ที่
[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ หน้า 431