จะไปวิปัสสนากรรมฐาน
ความจริงที่มีอยู่จริงๆ ที่กำลังปรากฎอยู่ขณะนี้ ควรที่จะฟัง และพิจารณาให้เข้าใจจริงๆ ในสิ่งที่กำลังปรากฎซึ่งมีลักษณะจริงๆ เ ริ่มค่อยๆ เข้าใจทีละน้อย สภาพธรรมที่
เกิดขึ้น สืบต่อและดับไปอย่างรวดเร็วมาก จากการฟังเริ่มเข้าใจว่าแต่ละขณะเป็นแต่
เพียงจิต เจตสิก รูปเท่านั้นที่เกิดขึ้น และดับไป จึงไม่มีเราแม้ขณะเดียวที่จะไปทำ
อะไรได้ ความเข้าใจขั้นการฟังจะค่อยๆ เป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้เข้าใจมั่นคงขึ้นจน
กว่าสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้รู้ลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นหนทาง
เดียวที่จะอบรมเจริญสติปัฎฐานจนกว่าปัญญาจะสมบูรณ์มั่นคงขึ้นเป็นวิปัสสนาญาณ
ที่ ๑ เกิดขึ้นประจักษ์แจ้งลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ตามลำดับขั้นค่ะ ฉะนั้น
จะไปวิปัสสนากรรมฐานที่ไหน ถ้าขณะนี้สภาพธรรมที่กำลังปรากฎอยู่ตรงหน้ายังไม่
สามารถรู้ได้ แล้วจะไปอยู่ป่า อยู่วัด อยู่คนเดียวที่สงบ ก็ยังไม่สามารถรู้ความจริง
ของสิ่งที่มีอยู่จริงๆ ในขณะนี้ได้ ความจริงซึ่งไม่มีใครสามารถรู้ได้นอกจากการตรัสรู้
ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วทรงแสดงความจริงที่ควรแก่การรู้เพื่อการดับทุกข์ทั้งปวงค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
แต่ก่อนนี้เคยดิ้นรน อยากไปถือศีล อยากไปทำสมาธิ คิดว่านี้คือวิปัสนา
กรรมฐาน
พอได้ฟังธรรมที่ท่านอาจารย์ได้กรุณาชี้แจงแสดงเหตุผล ก็เริ่มกิเลสตัวใหม่คือ
กูแน่! ฉันนี่แหละฟังธรรมที่ถูกต้อง พวกที่ไปทำอย่างที่ฉันเคยหลงไปแต่กาล
ก่อน เป็นพวกโง่ พวกปล่อยนกปล่อยปลา เป็นพวกปัญญาอ่อน
ฟังท่านอาจารย์อย่างจริงจังมาถึงเวลานี้ประมาณ 1 ปี เริ่มคิดได้ว่า กูนี่แหละโง่
เรานี่เองที่ปัญญาอ่อนนุ่ม
เวลานี้กำลังคืนสู่สามัญ
เช่นนี้แล้ว ข้าพเจ้าเจริญในธรรมหรือถอยหลังเข้าคลองกันหนอ...
ช่วงนี้มีวันหยุดสงกรานต์หลายวัน มีเพื่อนรุ่นน้องชวนไป (ปฏิบัติธรรม) เพื่อมิให้เสียน้ำใจจึงขอบคุณ และบอกว่ามีโปรแกรมอยู่แล้ว (คือจะมาฟังธรรมที่มูลนิธิฯ) การที่ได้
มีโอกาสมาฟังธรรมบรรยายจากท่านอาจารย์สุจินต์ และน้อมนำมาพิจารณาปฏิบัติก็ถือว่าเป็นมงคลอันประเสริฐของชีวิตแล้วค่ะ
ก่อนไม่ได้ฟังธรรม มักจะมืดบอดหาครูดีๆ ไม่เจอ เพราะสอนแล้วอกุศลยังเหมือนเดิม
พอได้ฟังธรรม บ่อยๆ จึงค่อยๆ เจอ ครูดีๆ ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจนี่เอง
อกุศล ค่อยๆ ลด ทีละเล็ก ละน้อย เมื่อได้ศึกษา จากครู ทั้งกลางวันและกลางคืน
จากการฟังธรรมบรรยา จากท่านอาจารย์ สุจินต์ ที่เกื้อกูลให้เจอครูดีๆ