เป็นแต่เพียงธาตุชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะอย่างนั้น

 
สารธรรม
วันที่  6 เม.ย. 2552
หมายเลข  11896
อ่าน  1,641

(พระเจดีย์ ณ วัดเจดีย์เหลี่ยม (กู่คำหลวง) อ.สารภี จ.เชียงใหม่)

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

... ข้อความบางตอนจาก ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ ๙๙๑

บรรยายโดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

...เป็นแต่เพียงธาตุชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะอย่างนั้น...

ถาม : ดิฉันสนใจคำที่อาจารย์กล่าวไปเมื่อกี้นี้ค่ะ คือ คำที่กล่าวว่า การพูดถึงความโกรธ กับ ไม่รู้ลักษณะของความโกรธ แต่การเจริญสติปัฏฐานนั้นหมายเฉพาะที่จะให้สนใจพิจารณาจิตขณะนั้นที่เกิดขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับขณะที่กล่าวถึงความโกรธ

ท่านอาจารย์สุจินต์ : ระลึกรู้ลักษณะที่โกรธ

 : และอีกประการเกี่ยวกับความโลภค่ะ โลภะนั้น อย่างสมมติว่า พูดถึงเวลาที่รับประทานอาหารอย่างนั้นสนทนากันในวงอาหารว่า "อาหารอย่างนี้อร่อยดี" ดีเป็นที่พอใจ สนทนากันไปและรับประทานกันไป แต่นั่นก็เป็นการสนทนาถึงความอร่อย (และ) ความพอใจ แต่ยังไม่ใช่ การที่มีสติรู้ลักษณะของโลภะที่เกิดขึ้นกับใจเราแท้ๆ ซึ่งเป็นความยินดี พอใจในรสอาหาร ขณะที่รสอาหารที่ผ่านเข้าไปในลำคอ อย่างนี้เป็นต้น มีสติระลึกรู้ อันนี้ก็ย่อมต่างกับที่พูดถึงใช่ไหม

 : เหมือนกัน ทุกคนก็ไม่สงสัย ถ้าบอกว่า "เห็น" ใช่ไหม ก็กำลังเห็น แต่ว่ารู้หรือเปล่าว่า เป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้ เป็นอาการรู้สิ่งที่ปรากฏทางตา เหมือนกับเวลาโกรธ ก็บอกว่าโกรธๆ แต่ว่ารู้ลักษณะอาการของสภาพที่โกรธ ที่เผา ที่เร่าร้อน ที่ประทุษร้าย ที่หยาบกระด้างในขณะนั้นหรือเปล่าว่า เป็นแต่เพียงธาตุชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะอย่างนั้น


(พระพุทธรูปในพระวิหารวัดเจดีย์เหลี่ยม (กู่คำหลวง) อ.สารภี จ.เชียงใหม่)

..... พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า .....

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุบางรูปไม่ทราบชัดความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออกแห่ง *ผัสสายตนะ ๖ ตามความเป็นจริง พรหมจรรย์อันภิกษุนั้นไม่อยู่จบแล้ว เธอชื่อว่าเป็นผู้ไกลจากธรรมวินัยนี้ (*ผัสสายตนะ ๖ คือ จักขุ โสต ฆาน ชิวหา กาย มนะ) เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว

ภิกษุรูปหนึ่งได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ข้าพระองค์เป็นผู้ฉิบหายแล้วในธรรมวินัยนี้ เพราะข้าพระองค์ไม่ทราบชัดความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออกแห่งผัสสายตนะ ๖ ตามความเป็นจริง.

พ. ดูก่อนภิกษุ เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉนเธอพิจารณาเห็นจักษุว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ดังนี้หรือ.

ภิ. อย่างนั้น พระเจ้าข้า

พ. ดีละ ภิกษุ ในข้อนี้ การที่เธอพิจารณาเห็นจักษุว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ดังนี้ จักเป็นอันเธอเห็นดีแล้วด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริง ด้วยอาการอย่างนี้ ผัสสายตนะที่ ๑ นี้จักเป็นอันเธอละได้แล้ว เพื่อมิให้ผัสสายตนะนั้นเกิดขึ้นอีกต่อไป ฯลฯ

ภิ. อย่างนั้น พระเจ้าข้า

พ. ดีละ ภิกษุ ในข้อนี้ การที่เธอพิจารณาเห็นใจว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ดังนี้ จักเป็นอันเธอเห็นดีแล้วด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริง ด้วยอาการอย่างนี้ ผัสสายตนะที่ ๖ นี้จักเป็นอันเธอละได้แล้ว เพื่อมิให้ผัสสายตนะนั้นเกิดขึ้นอีกต่อไป

๑๐. ทุติยผัสสายตนสูตร

ว่าด้วยผู้ไม่ทราบชัดความเกิดเป็นต้นเป็นผู้ไกลจากธรรมวินัย

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ ๘๒

... คลิกเพื่ออ่าน ...

คำว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรากับธาตุเลว คิดอย่างไร !

ขออุทิศส่วนกุศลแด่สรรพสัตว์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
พุทธรักษา
วันที่ 6 เม.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ.

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
suwit02
วันที่ 7 เม.ย. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
คุณ
วันที่ 7 เม.ย. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 7 เม.ย. 2552
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 26 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ