อันธสูตร - คนตาบอด ตาเดียว สองตา - ๕ พ.ค. ๒๕๔๙ - ฉัตรมงคล

 
บ้านธัมมะ
วันที่  7 พ.ค. 2549
หมายเลข  1192
อ่าน  1,287

ชมรมพุทธศาสน์วังพญาไท

จัดการสนทนาธรรมเนื่องในวันฉัตรมงคล

วันศุกร์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๔๙

เวลา ๐๙:๓๐ - ๑๕:๐๐ น.

โดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

และคณะวิทยากร

ณ ห้องประชุมชั้น ๑๐

อาคารพัชรกิตติยาภา

โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า

ขออนุโมทนาท่านวิทยากร

ผู้เข้าร่วมการสนทนา

และผู้ที่มีส่วนร่วมในการจัดงานทุกๆ ท่าน

ขอเชิญชมภาพถ่าย และ

อ่านพระสูตรที่นำมาสนทนา ...


  ความคิดเห็นที่ 5  
 
study
วันที่ 7 พ.ค. 2549

พระสูตรที่นำมาสนทนา คือ ..

[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓- หน้าที่ 94

๙. อันธสูตร

ว่าด้วยคนตาบอด - ตาเดียว - สองตา

[๔๖๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ มีอยู่ในโลก บุคคล ๓ คือใคร คือ (อนฺธ) คนบอด (เอกจกฺขุ) คนตาเดียว (ทฺวิจกฺขุ) คนสองตา

ก็บุคคลบอดเป็นอย่างไร บุคคลลางคนในโลกนี้ ไม่มีดวงตา (คือปัญญา) ที่เป็นเหตุจะให้ได้โภคทรัพย์อันยังไม่ได้ก็ดี เป็นเหตุจะที่ โภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีขึ้นก็ดี ทั้งไม่มีดวงตา (คือปัญญา) ที่เป็นเหตุจะให้รู้ธรรมทั้งหลายอันเป็นกุศลและอกุศล อันมีโทษและไม่มีโทษ อันหยาบและละเอียด อันเป็นฝ่ายดำและฝ่ายขาว นี่ ภิกษุทั้งหลาย เราเรียกว่า บุคคลบอด

ก็บุคคลตาเดียวเป็นอย่างไร บุคคลลางคนในโลกนี้ มีดวงตาที่ เป็นเหตุจะให้ได้โภคทรัพย์อันยังไม่ได้ก็ดี เป็นเหตุจะทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้ว ให้ทวีขึ้นก็ดี แต่ไม่มีดวงตาที่เป็นเหตุจะให้รู้ธรรมทั้งหลายอันเป็นกุศลและ อกุศล ฯลฯ นี่ ภิกษุทั้งหลาย เราเรียกว่า บุคคลตาเดียว

ก็บุคคลสองตาเป็นอย่างไร บุคคลลางคนในโลกนี้ มีดวงตาที่เป็น เหตุจะให้ได้โภคทรัพย์ ฯลฯ ทั้งมีดวงตาที่เป็นเหตุจะให้รู้ธรรมทั้งหลาย ฯลฯ นี่ ภิกษุทั้งหลาย เราเรียกว่า บุคคลสองตา. นี้แล ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ มีอยู่ในโลก

(นิคมคาถา)

คนตาบอดมืด เคราะห์ร้ายทั้ง ๒ ทาง คือ โภคทรัพย์อย่างที่ว่าก็ไม่มี ความดีก็ไม่ทำ

ส่วนอีกคนหนึ่งนี้ เรียกว่า บุคคลตาเดียว ไม่เกี่ยวในเรื่องธรรม และ อธรรม แสวงหาแต่โภคทรัพย์ เป็นคนครองกามที่ฉลาดรวบรวมทรัพย์ ด้วยการ ขโมย การโกงและการปลิ้นปล้อน บุคคล ตาเดียวนั้นจากโลกนี้ ไปนรก ย่อมเดือดร้อน

ส่วนผู้ที่เรียกว่า คนสองตา เป็นบุคคลประเสริฐ ให้ทรัพย์ที่ได้ด้วยความ ขยัน จากกองโภคะที่ตนหาได้โดยชอบ (เป็นทาน) มีความคิดสูง มีใจไม่เคลือบแคลง ย่อมเข้าถึงฐานะอันเจริญ ซึ่งเป็นฐานะที่ถึงแล้วไม่เศร้าใจ

ควรหลีกคนบอดและคนตาเดียวเสีย ให้ไกล ควรคบแต่คนสองตาซึ่งเป็นบุคคลประเสริฐ

จบ อันธสูตรที่ ๙

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
study
วันที่ 7 พ.ค. 2549

อรรถกถาอันธสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในอันธสูตรที่ ๙ ดังต่อไปนี้ :-

บทว่า จกฺขุ น โหติ ได้แก่ ไม่มีปัญญาจักษุ

บทว่า ผาตึ กเรยฺย ความว่า พึงทำโภคะ (ที่ได้มาแล้ว) ให้คงอยู่ คือ ให้เจริญ

บทว่า สาวชฺชานวชฺเช ได้แก่ ธรรมที่มีโทษ และไม่มีโทษ

บทว่า หีนปฺปณีเต ได้แก่ ธรรมขั้นต่ำ และขั้นสูง

บทว่า กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ความว่า ธรรมดำและธรรมขาวนั่นเอง พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า มีความ เป็นปฏิภาคกัน โดยเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน เพราะขัดขวางกันและกัน. ก็ในบทนี้ มีความย่อดังต่อไปนี้ บุคคลพึงรู้จักกุศลธรรมว่า เป็นกุศลธรรม พึงรู้จัก อกุศลธรรมว่า เป็นอกุศลธรรม

แม้ในบทมีอาทิว่า ธรรมที่มีโทษเป็นต้น ก็มีนัย นี้แล ส่วนในธรรมที่มีความเป็นปฏิภาคกัน ทั้งธรรมดำและธรรมขาว ธรรมดำ บุคคลพึงรู้ว่า มีความเป็นปฏิภาคกับธรรมขาว ธรรมขาว บุคคล พึงรู้ว่า เป็นปฏิภาคกับธรรมดำ ด้วยปัญญาจักษุใด จักษุแม้เห็นปานนั้นของ บุคคลนั้นไม่มี นักศึกษาพึงทราบความหมาย แม้ในวาระที่เหลือโดยนัย ดังกล่าวมานี้แล.

บทว่า น เจว โภคา ตถารูปา ความว่า แม้โภคะชนิดนั้น ย่อม ไม่มีแก่บุคคลนั้น.

บทว่า น จ ปุญฺานิ กุพฺพติ ความว่า และเขา ย่อมไม่ทำบุญ. ด้วยคำมีประมาณเท่านี้ เป็นอันตรัสถึงความไม่มีแห่งจักษุที่ เป็นเหตุให้โภคะเกิดขึ้น และจักษุที่ทำให้เกิดญาณ (ปัญญาจักษุ)

บทว่า อุภยตฺถ กลิคฺคโห ได้แก่ ถือผิด อธิบายว่า ถือพลาดในโลกทั้ง ๒ คือ ในโลกนี้ และในโลกหน้า

อีกอย่างหนึ่ง บทว่า อุภยตฺถ กลิคฺคโห คือ ถือประโยชน์ทั้ง ๒ คือ ที่เป็นไปในทิฎฐธรรม และสัมปรายภพว่าเป็นโทษ อธิบายว่า ถือเป็นความผิด

บทว่า ธมฺมามฺเมน ได้แก่ ด้วยธรรมคือ กุศลกรรมบถ ๑๐ บ้าง ด้วยธรรม คือ อกุศลกรรมบถ ๑๐ บ้าง

บทว่า สโ ได้แก่ มักโอ่

บทว่า โภคานิ ปริเยสติ คือ แสวงหาโภคะทั้งหลาย

บทว่า เถยฺเยน กูฏกมฺเมน มุสาวาเทน จูภย ความว่า แสวงหา โภคะทั้งหลายด้วยกรรมทั้งสอง ในบรรดากรรมมีไถยกรรมเป็นต้น ถามว่า แสวงหาด้วยกรรมทั้งสองอย่างไร ตอบว่า อย่างนี้คือ แสวงหาโภคะทั้งหลาย ด้วยไถยกรรม (การลักขโมย) และกูฏกรรม (การฉ้อโกง) ได้แก่ แสวงหา ด้วยไถยกรรมและมุสาวาท และแสวงหาด้วยกูฏกรรม และมุสาวาท

บทว่า สงฺฆาตุ แปลว่า เพื่อรวบรวม

บทว่า ธมฺมลทฺเธหิ ได้แก่ ที่ได้มาโดย ไม่ให้เสียธรรม คือ กุศลกรรมบถสิบ

บทว่า อุฏฺานาธิคต คือ ที่ได้มา ด้วยความเพียร

บทว่า อพฺยคฺคมานโส คือ มีจิตปราศจากวิจิกิจฉา

บทว่า ภทฺทก าน คือ สถานที่ที่ดีที่สุด ได้แก่ เทวสถาน

บทว่า น โสจติ คือไม่เศร้าโศกด้วยความเศร้าโศกภายใน ในที่ใด

จบ อรรถกถาอันธสูตรที่ ๙

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ