เมตตา... ธรรมที่ควรอบรมให้เจริญ

 
Khaeota
วันที่  9 เม.ย. 2552
หมายเลข  11926
อ่าน  1,403

ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมตตา...ธรรมที่ควรอบรมให้เจริญ

แต่จะอบรบให้เมตตาเจริญกับผู้ที่ไม่มี หิริ โอตตัปปะ ได้อย่างไร

ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 10 เม.ย. 2552
เมตตาเป็นธรรมที่ควรอบรมให้เจริญ ควรอบรมเจริญบ่อยๆ เนืองๆ และอบรมเจริญเป็นไปตามลำดับ ในเบื้องต้น ต้องเว้นคนที่เรารัก และคนที่เราชังควรอบรมในท่านผู้มีพระคุณก่อน เช่น อุปัชฌาย์ อาจารย์ เป็นต้น เมื่อเมตตาเริ่มมีกำลังมากขึ้น จากนั้นค่อยๆ อบรมเจริญในบุคคลต่างๆ ได้ ถ้าเป็นเมตตามีกำลังจริงสามารถแผ่ไปทั่วทุกบุคคล ทั่วทุกทิศ ไม่มีจำกัด เมื่อไม่สามารถเจริญเมตตาในบุคคลบางคนได้ ควรเจริญกรุณา หรือ อุเบกขากับบุคลนั้น ไม่ควรทำความโกรธใครๆ เลย เพราะไม่มีประโยชน์ครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
suwit02
วันที่ 10 เม.ย. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 11 เม.ย. 2552

ผู้ที่ไม่มี หิริ โอตตัปปะ คือผู้ที่ไม่มีความละอายต่อบาป และไม่กลัวต่อบาป

อกุศลกรรม จึงเป็นผู้ที่มีจิตเป็นอกุศลเสมอๆ ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยให้กระทำอกุศลกรรมจึงไม่เป็นที่รักของคนทั่วไป การที่จะอบรมให้เมตตาเจริญกับ

บุคคลพวกนี้คงจะยาก แต่จากการได้ฟังพระธรรมควรจะเมตตาบุคคลพวก

นี้ เพราะเขาจะต้องได้รับความทุกข์ยากจากสิ่งที่ตนได้กระทำไว้.....

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 11 เม.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ทุกคนที่ยังเป็นปุถุชนก็ยังมีกิเลสที่สะสมมามากมาย มีเหตุปัจจัยก็พร้อมที่จะเป็น

อกุศลทันที ธรรมเป็นธรรม ไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะเกิดกับบุคลใดก็เป็นอกุศลเป็นธรรม

เท่านั้น เพราะความยึดถือโดยความเป็นสัตว์บุคคลก็ย่อมเป็นอกุศลในอกุศลของผู้อื่น

ควรสงสาร เห็นใจและเข้าใจในอกุศลของผู้อื่นเพราะเขากำลังทำเหตุที่ไม่ดี เข้าไปตั้ง

ความกรุณาในบุคคลนั้นครับ

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ....กรุณาสงสารในคนไม่ดี [ทุติยอาฆาตวินยสูตร ]

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pannipa.v
วันที่ 11 เม.ย. 2552

ถ้าผู้ที่ไม่มี หิริ โอตตัปปะ เป็นผู้เป็นที่รัก หรือเป็นเพื่อน

จักมีเมตตาต่อผู้นั้นได้หรือไม่?

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Khaeota
วันที่ 11 เม.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตคัดลอกความคิดเห็นที่ 5 ของ K PANNIPA.V ค่ะ

ถ้าผู้ที่ไม่มี หิริ โอตตัปปะ เป็นผู้เป็นที่รัก หรือเป็นเพื่อน

จักมีเมตตาต่อผู้นั้นได้หรือไม่?

..........

ถ้าผู้ที่ไม่มี หิริ โอตตัปปะ เป็นผู้เป็นที่รัก หรือเป็นเพื่อน

ถ้าจักมี ก็เป็น " โลภะ " แน่ๆ เลย

แต่อาจคิดว่านั่นคือกำลังอบรมเจริญเมตตา

เพราะปัญญาที่มีอยู่ คำว่า" น้อยนิด "

ก็ยังมากไป...ค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เบน
วันที่ 11 เม.ย. 2552

ถ้าผู้ที่ไม่มี หิริ โอตตัปปะ กระทำต่อผู้เป็นที่รักยิ่ง หรือเป็นเพื่อน

จักมีเมตตาต่อผู้นั้นได้หรือไม่?

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ING
วันที่ 12 เม.ย. 2552

.....ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ถ้าสติไม่เกิด ก็เกิดเมตตาไม่ได้ ถ้าไม่มีปัญญาสติก็เกิดไม่ได้ ถ้าไม่มีการสะสมความรู้ความเข้าใจในสภาพธรรม บ่อยๆ เนืองๆ ปัญญาก็เกิดไม่ได้ดิฉันเข้าถูกต้องหรือไม่.....

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornpaon
วันที่ 12 เม.ย. 2552

เมตตา ยอมรับว่าอบรมเจริญได้ยาก

เพราะบางครั้ง (หรือหลายครั้ง)

กับคนที่ตนเองรักมากที่สุด ยังมีโทสะให้กับเขาได้เลยค่ะ

โลภะมาก โทสะก็ยิ่งมาก

เมตตาเจริญยากเพราะมีปัญญาน้อยเหลือเกิน

ขออนุโมทนาคุณ khaeota

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
khampan.a
วันที่ 13 เม.ย. 2552


ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลส ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าอกุศลจิตจะไม่เกิด เพราะปกติในชีวิตประจำวัน อกุศลจิตเกิดมากกว่ากุศล ตามความเป็นจริงแล้ว อกุศลธรรม เป็นธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ไม่มีเรา ไม่มีเขา เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคล เป็นผลมาจากการสะสมกิเลสที่มีมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ คนอื่นมีกิเลส แม้เราเองก็ยังมีกิเลส อกุศลจิตจึงเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ขณะที่จิตเป็นอกุศลนั้น ไม่ว่าจะเกิดกับบุคคลใดก็ตาม แสดงให้เห็นว่าศัตรูภายใน ข้าศึกภายใน ได้เกิดขึ้นทำร้ายจิตใจของตนเองแล้ว อกุศลธรรมมีโทษ ไม่เป็นประโยชน์แก่ใครๆ ทั้งสิ้น จึงไม่ควรที่จะสะสมให้มีมากขึ้น ในทางตรงกันข้ามกุศลธรรมทั้งหลาย มีเมตตา ความเป็นมิตร เป็นเพื่อน กรุณา ความเห็นใจ ความสงสาร เป็นต้นควรที่จะอบรมเจริญให้มีขึ้นในชีวิตประจำวัน ดังนั้น จึงต้องอาศัยพระธรรมที่ผู้มีพระภาคทรงแสดง เพราะเหตุว่าพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงนั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชีวิตของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้พิจารณาตัวเองเป็นสำคัญ พร้อมทั้งขัดเกลากิเลสอันเป็นศัตรูที่แท้จริง ให้เบาบางลง จนกระทั่งสามารถที่จะดับได้อย่างเด็ดขาดในที่สุด ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
wannee.s
วันที่ 13 เม.ย. 2552

ปุถุชนเป็นผู้หนาด้วยกิเลส ทุกคนก็มีกุศลและอกุศลสลับกันไป ผู้มีปัญญาจึงควรมอง

ในส่วนดีของเขา แม้จะเพียงนิดหน่อยก็ตาม และกุศลไม่ว่าจะเกิดกับใครก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
bsomsuda
วันที่ 7 พ.ย. 2552

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
kinder
วันที่ 21 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ