ผู้มีความเห็นอันวิปริตย่อมไม่ล่วงพ้นสงสาร [ตติถสูตร]
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อัญญเดียรถีย์ปริพาชกเป็นคนตาบอด ไม่มีจักษุ ย่อมไม่รู้จักประโยชน์ ไม่รู้จักความฉิบหายใช่ประโยชน์ ไม่รู้จักธรรม ไม่รู้จักสภาพมิใช่ธรรม เมื่อไม่รู้จักประโยชน์ ไม่รู้จักความฉิบหายมิใช่ประโยชน์ ไม่รู้จักธรรม ไม่รู้จักสภาพมิใช่ธรรม ก็บาดหมางกันทะเลาะกัน วิวาทกัน พูดจาทิ่มแทงกันและกันด้วยหอกคือปากว่า ธรรมเป็นเช่นนี้ ธรรมไม่เป็นเช่นนี้ ธรรมไม่เป็นเช่นนี้ ธรรมเป็นเช่นนี้.
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
หมู่สัตว์นี้ขวนขวายแล้วในทิฏฐิว่า ตนและโลก
เราสร้างสรรค์ ประกอบด้วยทิฏฐิว่าตนและโลกผู้อื่น
สร้างสรรค์ สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง ไม่รู้จริงซึ่ง
ทิฏฐินั้นไม่ได้เห็นทิฏฐินั้นว่าเป็นลูกศร ก็เมื่อผู้พิจาร-
ณาเห็นอยู่ซึ่งความเห็นอันวิปริตนั้น ว่าเป็นดุจลูกศร
ความเห็นว่า เราสร้างสรรค์ย่อมไม่ปรากฏแก่ผู้นั้น
ความเห็นว่า ผู้อื่นสร้างสรรค์ ย่อมไม่ปรากฏแก่ผู้นั้น
หมู่สัตว์นี้ประกอบแล้วด้วยมานะ มีมานะเป็นเครื่อง
ร้อยรัดถูกมานะผูกพันไว้ กระทำความแข่งดีกันใน
ทิฏฐิทั้งหลาย ย่อมไม่ล่วงพ้นสงสารไปได้.
จบติตถสูตรที่ ๖