ในอนาคตภิกษุจักมีความพอใจอย่างไร
[เล่มที่ 53] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๔ เถรคาถา ติงสนิบาต เล่ม ๕๓
๑. ปุสสเถรคาถา ว่าด้วยในอนาคตภิกษุจักมีความพอใจอย่างไร
[๓๙๕] ฤาษีมีชื่อตามโคตรว่า ปัณฑรสะ ได้เห็นภิกษุเป็นอันมากที่น่าเลื่อมใส มีตนอันอบรมแล้ว สำรวมด้วยดี จึงได้ถามพระปุสสเถระว่าในอนาคตภิกษุทั้งหลายในศาสนานี้จักมีความพอใจอย่างไร มีความประสงค์อย่างไร กระผมถามแล้ว ขอจงบอกความข้อนั้นแก่กระผมเถิด.พระปุสสเถระจึงกล่าวตอบด้วยคาถาเหล่านี้ ความว่า ดูก่อนปัณฑรสฤาษี ขอเชิญฟังคำของอาตมา จงจำคำของอาตมาให้ดี อาตมาจะบอกซึ่งข้อความที่ท่านถาม ถึงอนาคต คือในกาลข้างหน้า ภิกษุเป็นอันมากจักเป็นคนมักโกรธ มักผูกโกรธไว้ ลบหลู่คุณเท่านี้ หัวดื้อ โอ้อวด ริษยา มีวาทะต่างๆ กัน จักเป็นผู้มีมานะในธรรมที่ยังไม่รู้ทั่วถึง คิดว่าตื้นในธรรมที่ลึกซึ้ง เป็นคนเบา ไม่เคารพธรรม ไม่มีความเคารพกันและกัน ในกาลข้างหน้า โทษเป็นอันมากจักเกิดขึ้นในหมู่สัตวโลก ก็เพราะภิกษุทั้งหลายผู้ไร้ปัญญา จักทำธรรมที่พระศาสดาทรงแสดงแล้วนี้ให้เศร้าหมอง ทั้งพวกภิกษุที่มีคุณอันเลว โวหารจัด แกล้วกล้า มีกำลังมาก ปากกล้า ไม่ได้ศึกษา ฯ ล ฯ
[เล่มที่ 53] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๔ - หน้าที่ 209
ลำดับนั้น พระเถระมองเห็นตามความเป็นจริง ซึ่งความเป็นไป ของพวกภิกษุ และพวกนางภิกษุณีอย่างแจ่มแจ้งด้วยอนาคตังสญาณแล้วเมื่อจะบอกแก่ดาบสนั้น จึงกล่าวคาถาเหล่านี้ว่า ในกาลข้างหน้า ภิกษุเป็นอันมาก จักเป็นคนมักโกรธ มักผูกโกรธไว้ ลบหลู่คุณท่าน หัวดื้อ โอ้อวด ริษยา มีวาทะต่างๆ กัน จักเป็นผู้มีมานะในธรรมที่ยัง ไม่รู้ทั่วถึง คิดว่าตื้น ในธรรมที่ลึกซึ้ง เป็นคนเบา ไม่เคารพธรรม ไม่มีความเคารพกันและกัน ในกาลข้างหน้า โทษเป็นอันมากจักเกิดขึ้นในหมู่สัตวโลก ก็เพราะภิกษุทั้งหลายผู้ไร้ปัญญาจักทำธรรมที่พระศาสดาทรงแสดงแล้วนี้ให้เศร้าหมอง ทั้งพวกภิกษุที่มีคุณอันเลว โวหารจัด แกล้วกล้า มีกำลังมาก ปากกล้า ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียน ก็จักมีขึ้นในสังฆมณฑล
ภิกษุทั้งหลาย ในสังฆมณฑล แม้ที่มีคุณความดี มีโวหารโดยสมควรแก่เนื้อความ มีความละอายบาป ไม่ต้องการอะไรๆ ก็จักมีกำลังน้อย ภิกษุทั้งหลายในอนาคตที่ทรามปัญญา ก็จะพากันยินดีเงินทอง ไร่นา ที่ดิน แพะ แกะ และคนใช้หญิงชาย จักเป็นคนโง่มุ่งแต่จะยกโทษผู้อื่น ไม่ดำรงมั่นอยู่ในศีล ถือตัว โหดร้าย เที่ยวยินดีแต่การทะเลาะวิวาท จักมีใจฟุ้งซ่าน นุ่งห่มแต่จีวรที่ย้อมสีเขียวแดง เป็นคนลวงโลก กระด้าง ....
ปัจจุบันนี้ มีให้เห็นอยู่มากมาย ภิกษุที่ทำตัวแบบนี้ มีมากจนไม่อยากไปในสถานที่ (วัด) และในพิธีกรรมต่างๆ เช่นงานศพ งานบวช งานอะไรที่เป็นพิธีกรรมของพวกญาติ เพื่อนฝูง เห็นแล้วอยากจะเดินไปบอกว่าไปครองเพศฆาราวาสดีกว่า อย่ามาทำให้พระศาสนามัวหมองเพราะความประพฤตินอกรีต นอกรอย คำสั่งสอนและพระวินัยที่พระพุทธองค์บัญญัติไว้เลย เพราะในนรกแออัดยัดเยียดไปด้วยพวกนี้ทั้งนั้นเลยจนที่แขวนผ้าเหลืองแอ่นเกือบจะหักแล้ว และ ก็ไปอ่านพระไตรปิฎกเปรียบเทียบก็มีอยู่หลายพระสูตร ที่บอกชัดเจนว่า พวกนี้แหละที่เป็นเสี้ยนหนามของพระศาสนา พระพุทธองค์ตรัสเรียกพวกนี้ว่า มหาโจรในพระศาสนาทีเดียวไม่ใครอื่นไกลเลยที่ทำลายพระศาสนา และขออนุโมทนากับการยกพระสูตรนี้ขึ้นมา