กระจก...ส่องใจ

 
pannipa.v
วันที่  27 เม.ย. 2552
หมายเลข  12068
อ่าน  2,018

ในแต่ละวัน ส่องกระจกวันละหลายครั้ง ทุกครั้งก็จะเห็นแต่รอยย่นยับเยิน จุด ดำด่าง บ่งบอกถึงความสูงวัย เห็นแล้วก็ให้เกิดอาการหงุดหงิด หดหู่ ไม่พอใจ แต่พอคิดได้ว่าก็เป็นธรรมดาของสังขารที่พอมองเห็นได้ด้วยตา ภายนอกยังน่า เกลียดอย่างนี้ แล้วภายในที่มองไม่เห็นจะขนาดไหน ถ้ามีกระจก หรือ แว่น ที่ ส่องใจของเราได้คงจะเห็นแต่อวิชชา และบรรดาอกุศลทั้งหลายจะกี่กองก็ตาม ที่รกขัฏ และดำมืด น่ารังเกียจกว่ารอยยับเยินของรูปร่าง หน้าตา แน่นอน

ฉะนั้น วันเสาร์-อาทิตย์ จึงเป็นวันที่ได้พบกระจก หรือ แว่น ส่องใจที่ใสสะอาด สามารถเห็นอกุศล หรือ อวิชชา ของตนได้ชัดเจน แต่กระนั้นก็ยังมีเหตุที่ทำให้ ไม่สามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ ทำไม อกุศล จึงทำได้ง่ายกว่า กุศล นะ???

ขออนุโมทนาสหายธรรมทุกท่าน ที่ได้พบ กระจกส่องใจทุกวันเสาร์-อาทิตย์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
opanayigo
วันที่ 27 เม.ย. 2552

หากเพียงมองด้วยตาเปล่า

ก็เหมือนไม่มี...ต่อเมื่อนำ แว่น (ธรรม) ส่องดู

ก็พลัน อึ้ง ในสิ่งที่ แว่นขยาย ให้เห็นว่า

มันเนียนเป็นเนื้อเดียวกับ " เรา " เลย

....ถูกล้อมไว้หมดแล้ว...

กุศล เหมือน เพื่อนแท้ที่จากกันไปนานมากๆ ๆ กว่าจะมาหา

บางครั้งเหมือนจะมา แต่ก็มาไม่ถึง

อกุศลนี่อยู่ตลอดร่วมชายคาไม่ไปไหนเลย.. (เพลิดเพลินมาก)

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
aditap
วันที่ 27 เม.ย. 2552

ขออนุโมทนากับท่านที่ได้มีโอกาสส่องใจครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pornpaon
วันที่ 27 เม.ย. 2552

ศัตรูที่รักมากที่สุด ไม่อยากให้จากไปไหนเลย คือ โลภะอกุศล

กลัวจะหนี สะสมความสนิทสนมเพิ่มขึ้นอยู่ทุกวัน ทั้งที่ปกติก็แยกกันไม่ออกอยู่แล้ว

หากไม่มีกระจกธรรม

ก็ยากจะมองเห็นหน้าตาอันน่ากลัวอย่างยิ่งที่แท้จริงของเขา

อย่างนี้

เข้าข่าย...รู้ว่าหลอกยังเต็มใจให้ (อกุศล) หลอก


ขออนุโมทนาคุณ pannipa.v

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 28 เม.ย. 2552
วันนี้ได้รับความกรุณาจากท่านสหายธรรมแนะนำให้ฟังธรรมสดจากมูลนิธิฯทางอินเตอร์เนทโดยโปรแกรม Skype ในวันเสาร์และอาทิตย์ ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มีโอกาสส่องกระจกบานใหญ่เหมือนกับท่านอื่นๆ ขออนุโมทนาทุกท่านครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nida
วันที่ 28 เม.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
พุทธรักษา
วันที่ 28 เม.ย. 2552

กระจก...ส่องใจอุปนิสสัย...ส่องการสะสม.

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
suwit02
วันที่ 28 เม.ย. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
khampan.a
วันที่ 28 เม.ย. 2552


ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในชีวิตประจำวัน ปกติของบุคคลที่ยังมีกิเลสอยู่นั้น อกุศลจิตย่อมเกิดขึ้นเป็นปกติธรรมดา และเกิดมากด้วย ก็เพราะยังมีกิเลสอยู่นั่นเอง เมื่อได้เหตุได้ปัจจัยก็เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่อกุศลจิตเกิดตลอดทั้งวัน บางโอกาส กุศลจิตก็สามารถที่จะเกิดได้ตามการสะสม สำหรับผู้ที่ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่ได้ฟังพระธรรม ย่อมไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวเองมีกิเลส และจะสะสมกิเลสต่อไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น แต่เพราะอาศัยพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง จึงทำให้ได้รู้ว่าวันหนึ่งๆ เต็มไปด้วยกิเลสประการต่างๆ ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะในชาตินี้เท่านั้น มีมานานแล้วในสังสารวัฏฏ์ พร้อมทั้งทำให้เห็นโทษภัยของกิเลสด้วยว่าไม่นำประโยชน์อะไรๆ มาให้เลย เมื่อมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นตามลำดับ มีปัญญาที่รู้ชัดขึ้น เพิ่มขึ้น ก็จะค่อยๆ ขัดเกลากิเลสให้เบาบางลงได้ คลายได้ โดยเป็นหน้าที่ของธรรมฝ่ายดีที่เกิดขึ้นทำกิจ ไม่ใช่เราไปทำ ไม่ใช่ตัวเราที่ขัด ถ้าไม่มีปัญญาแล้ว ย่อมไม่สามารถที่จะขัดเกลากิเลสได้เลย ดังนั้น ในแต่ละวัน กระจก สำหรับส่องใจของแต่ละบุคคล ที่จะทำให้รู้จักตัวเองตามความเป็นจริงนั้น ก็คือ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง นั่นเอง ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 28 เม.ย. 2552

ถ้าสติปัฏฐานเกิด ไม่มีสัตว์บุคคลในกระจก มีแต่รูปนามที่เกิดขึ้นแล้วดับไปตามเหตุปัจจัยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
paderm
วันที่ 28 เม.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 265

[๑๒๘] พ.ดูก่อนราหุล เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน แว่นมีประโยชน์อย่างไร.

พระราหุล..มีประโยชน์สำหรับส่องดู พระเจ้าข้า.

พระพุทธเจ้า..ฉันนั้นเหมือนกันแล ราหุล บุคคลควรพิจารณาเสียก่อน แล้วจึงทำกรรมด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ.

บทว่า ปจฺจเวกฺขณตฺโถ คือ มีประโยชน์สำหรับส่องดู. อธิบายว่ามีประโยชน์ส่องดูโทษที่ใบหน้า. บทว่า ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา คือตรวจดูแล้ว ตรวจดูอีก พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าควรพิจารณาใคร่ครวญก่อนจะทำกรรมทางกาย วาจาและใจ

การกระทำทางกาย วาจาและใจในชีวิตประจำวันก็เหมือนกระจกสะท้อนกำลังของกิเลส

พระพุทธองค์จึงทรงเปรียบว่าแว่นมีไว้ส่องดูใบหน้า ฉันใด เธอควรพิจารณาด้วยปัญญา

ส่องดูกาย วาจาและใจของเธอที่มีในชีวิตประจำวันว่าเป็นอย่างไร และละกรรมทางกาย

วาจาและใจที่ไม่ดี เจริญในกรรมทางกาย วาจาและใจที่ดี ซึ่งก็ต้องอาศัยการฟังพระ-

ธรรม จนปัญญาเจริญขึ้น ปัญญานั่นเองย่อมเป็นแว่นเป็นกระจกส่องกาย วาจา และใจ

และเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดีครับ ขออนุโมทนา อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
คุณ
วันที่ 29 เม.ย. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
suwit02
วันที่ 29 เม.ย. 2552
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 12068 ความคิดเห็นที่ 4 โดย วันชัย๒๕๐๔วันนี้ได้รับความกรุณาจากท่านสหายธรรมแนะนำให้ฟังธรรมสดจากมูลนิธิฯทางอินเตอร์เนทโดยโปรแกรม Skype ในวันเสาร์และอาทิตย์ ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มีโอกาสส่องกระจกบานใหญ่เหมือนกับท่านอื่นๆ ขออนุโมทนาทุกท่านครับ

ยินดีต้อนรับครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ajarnkruo
วันที่ 29 เม.ย. 2552

เข้าใจพระธรรมมากขึ้น ก็เหมือนกับได้กระจกที่ใสขึ้น ที่สามารถส่องดูจิตใจได้ตรง และละเอียด ถี่ถ้วนเพิ่มขึ้น จนกว่าจะเป็นปัจจัยให้ส่องลึกลงไป จนเห็นความไม่ใช่ สัตว์บุคคล ตัวตน ในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ...ขออนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
เมตตา
วันที่ 1 พ.ค. 2552

กระจกส่องใจทุกวันเสาร์-อาทิตย์

ส่องให้เห็นถึงภัยที่มองไม่เห็น คือ กิเลสที่อยู่ภายในตัวเราเอง

เชิญคลิกอ่านได้ที่.....

ภัยที่มองไม่เห็น

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
pornchai.s
วันที่ 1 พ.ค. 2552

ขอแสดงความชื่นชม และยินดี ในโสภณจิตของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
ป้าจาย
วันที่ 5 พ.ค. 2552

ทำไม กระจกส่องใจ จึงมีแค่วันเสาร์และอาทิตย์ละคะ วันอื่นๆ กระจกอยู่ที่ไหน

สติจำปรารถนาในที่ทั้งปวง และไม่เลือกวัน ใช่หรือไม่

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
พงศ์ศิริ
วันที่ 5 พ.ค. 2552

ทุกเช้า ฟังท่านอาจารย์ไป ส่องกระจกไป (ฟังแบบสติน้อย) โอ...สังขารเอ๋ย

ล่วงเลยไปทุกลมหายใจ เราต้องไม่ยึดถือ มีแต่รูป นาม อือ..ตรงคอยังไม่เหี่ยวมาก

ค่อยยังชั่วหน่อย เห้ยย..อายุก็ปูนนี้แล้วไม่รู้จะห่วงรูปร่างหน้าตาไปทำไม เออ..เมื่อวาน

กินมากไปหน่อยพุงป่องแฮะ.. หนังตาตกแล้ว นี่แหละสัจธรรม.. รูปธรรม นามธรรม

เอ..ครีมหน้าเด้งเกือบหมดแล้วเดี๋ยวต้องไปซื้อเผื่อไว้

เสื้อผ้าเต็มตู้เลย ความจริงใส่อะไรก็กระทบแข็งนั่นแหละสิ้นเปลื้องไร้ประโยชน์

เออ.. ตัวนี้ใส่แล้วดูผอมดีหน่อย วันนี้ใส่ตัวนี้แหละ

ทุกวันเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
พุทธรักษา
วันที่ 5 พ.ค. 2552
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 12068 ความคิดเห็นที่ 16 โดย ป้าจาย

ทำไม กระจกส่องใจ จึงมีแค่วันเสาร์และอาทิตย์ละคะ วันอื่นๆ กระจกอยู่ที่ไหน

สติจำปรารถนาในที่ทั้งปวง และไม่เลือกวัน ใช่หรือไม่


................สาธุค่ะ..............

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
prachern.s
วันที่ 5 พ.ค. 2552
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 12068 ความคิดเห็นที่ 16 โดย ป้าจาย

ทำไม กระจกส่องใจ จึงมีแค่วันเสาร์และอาทิตย์ละคะ วันอื่นๆ กระจกอยู่ที่ไหน

สติจำปรารถนาในที่ทั้งปวง และไม่เลือกวัน ใช่หรือไม่


ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
nida
วันที่ 6 ม.ค. 2553

ปัญญาเท่านั้นเป็นเหมือนแพย์ที่ตัดสินใจรักษาการบาดเจ็บ (ทุกข์)

สติเป็นเหมือนพยาบาลที่ทำให้การบาดเจ็บ (ทุกข์) ทรงตัวไม่ให้หนักไปกว่าเก่า

การมีตัวตนทั้งกายและใจเป็นการบาดเจ็บ (ทุกข์)

จิตที่มีความตั้งมั่นเป็นกลางเป็นคนดูเฉยๆ ไม่เข้าไปแทรกแซง ไม่เข้าไปแก้ไข

ทำอะไรไปไม่ได้นอกจากระลึกรู้ (เห็น) แล้วจบที่ตรงรู้ก็พอ เพราะเป็นอนัตตา

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
รวส
วันที่ 9 ม.ค. 2553

ผมเข้าใจว่าท่านผู้ถามคงหมายถึงท่านอาจารย์ที่มาบรรยายในวันเสาร์-อาทิตย์และเปรียบท่านอาจารย์เป็นกระจกช่วยส่องทางปัญญาให้กับผู้ที่ยังมองไม่เห็นทางพ้นภัยในวัฏฏะ ถ้าเป็นเช่นนี้ผมก็เป็นผู้หนึ่งที่ต้องการไปหากระจกส่องแต่โอกาสไม่อำนวย ได้แต่ฟังทางวิทยุและแผ่นซีดี แต่ก็ไม่เสียใจเพราะรู้ว่าสร้างเหตุทางไหนก็ได้ทางนั้น ผู้ศึกษาธรรมทั้งหลายต้องการกระจก-ส่องใจ แต่รู้ไหมว่ามีด้วยกันทุกคนแล้ว อยู่ที่ว่าใครจะหยิบขื้นมาส่องหรือไม่ เป็นอนัตตาจริงๆ ด้วย

กราบอนุโมทนากับสหายธรรมทุกท่านครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ