ผู้ไม่มีกิเลสเครื่องเนิ่นช้า [ปปัญจชยสูตร]
JANYAPINPARD
วันที่ 30 เม.ย. 2552
หมายเลข 12123
อ่าน 1,106
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 684
๗. ปปัญจชยสูตร ว่าด้วยผู้ไม่มีกิเลสเครื่องเนิ่นช้า
[๑๕๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :- สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระ-ผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งพิจารณาการละส่วนสัญญา อันสหรคตด้วยธรรมเครื่องเนิ่นช้าของพระองค์อยู่. ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบการละส่วนสัญญา อันสหรคตด้วยธรรมเครื่องเนิ่นช้าชองพระองค์แล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า ผู้ใดไม่มีกิเลสเครื่องให้เนิ่นช้าและความตั้งอยู่ (ใน สงสาร) ก้าวล่วงซึ่งที่ต่อคือตัณหาทิฏฐิ และลิ่มคือ อวิชชาได้ แม้โลกคือหมู่สัตว์พร้อมทั้งเทวโลก ย่อม ไม่ดูหมิ่นผู้นั้น ผู้ไม่มีตัณหา เป็นมุนี เที่ยวไปอยู่. จบปปัญจขยสูตรที่ ๗
๗. ปปัญจชยสูตร ว่าด้วยผู้ไม่มีกิเลสเครื่องเนิ่นช้า
[๑๕๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :- สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระ-ผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งพิจารณาการละส่วนสัญญา อันสหรคตด้วยธรรมเครื่องเนิ่นช้าของพระองค์อยู่. ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบการละส่วนสัญญา อันสหรคตด้วยธรรมเครื่องเนิ่นช้าชองพระองค์แล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า ผู้ใดไม่มีกิเลสเครื่องให้เนิ่นช้าและความตั้งอยู่ (ใน สงสาร) ก้าวล่วงซึ่งที่ต่อคือตัณหาทิฏฐิ และลิ่มคือ อวิชชาได้ แม้โลกคือหมู่สัตว์พร้อมทั้งเทวโลก ย่อม ไม่ดูหมิ่นผู้นั้น ผู้ไม่มีตัณหา เป็นมุนี เที่ยวไปอยู่. จบปปัญจขยสูตรที่ ๗