อย่างไรเรียกว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พี่ง

 
JANYAPINPARD
วันที่  30 เม.ย. 2552
หมายเลข  12129
อ่าน  3,122

[เล่มที่ 11] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 484

.... เพราะฉะนั้น พระรัตนตรัยจึงชื่อว่าเป็นสรณะโดยปริยายนี้. จิตตุปบาทที่ดำเนินไปโดยอาการมีพระรัตนตรัยนั้นเป็นเบื้องหน้า มีกิเลสอันความเลื่อมใส และความเคารพในพระรัตนตรัยนั้น กำจัดแล้วชื่อว่า สรณคมน์ สัตว์ผู้มีพระรัตนตรัยนั้นพร้อมแล้ว ย่อมถึงสรณะ อธิบายว่า ย่อมเข้าถึงอย่างนี้ว่า รัตนะ ๓ เหล่านั้นเป็นที่พึ่งของเรา เหล่านี้เป็นที่นับถือของเรา ดังนี้ ด้วยจิตตุปบาทมีประการดังกล่าวแล้ว

พึงทราบ ๓ อย่างนี้ คือ สรณะ ๑ สรณคมน์ ๑ และผู้เข้าถึงสรณะ ๑ เท่านี้ก่อน ก็ในประเภทแห่งสรณคมน์ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ สรณคมน์มี ๒ อย่าง คือ โลกุตตรสรณคมน์ และโลกิยสรณคมน์ ใน ๒ อย่างนั้น โลกุตตรสรณคมน์ ว่าโดยอารมณ์ มีนิพพานเป็นอารมณ์ ย่อมสำเร็จด้วยตัดขาดอุปกิเลสของสรณคมน์ ในมัคคขณะ แห่งพระอริยบุคคลผู้เห็นสัจจะแล้ว ว่าโดยกิจย่อมสำเร็จ ในพระรัตนตรัยแม้ทั้งสิ้นโลกิยสรณคมน์ ว่าโดยอารมณ์มีพระพุทธคุณเป็นต้นเป็นอารมณ์ ย่อมสำเร็จด้วยการข่ม อุปกิเลสของสรณคมน์ของปุถุชนทั้งหลาย โลกิยสรณคมน์นั้น ว่าโดยอรรถ ได้แก่ การได้เฉพาะซึ่งศรัทธาในวัตถุทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น และสัมมาทิฏฐิ ซึ่งมีศรัทธาเป็นมูล ที่ท่านเรียกว่า ทิฏฐุชุกรรม ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 30 เม.ย. 2552

โลกิยสรณคมน์นี้นั้น จำแนกเป็น ๔ อย่าง คือ โดยมอบกายถวายชีวิต ๑ โดยมีพระรัตนตรัยนั้นเป็นเบื้องหน้า ๑ โดยมอบตัวเป็นศิษย์ ๑ โดยความนอบน้อม ๑ ใน ๔ อย่างนั้น ที่ชื่อว่ามอบกายถวายชีวิต ได้แก่ การสละตนแก่พระพุทธเจ้าเป็นต้นอย่างนี้ว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าขอมอบตน แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์

ที่ชื่อว่ามีพระรัตนตรัยนั้นเป็นเบื้องหน้า ได้แก่ความเป็นผู้มีพระรัตนตรัยเป็นเบื้องหน้าอย่างนี้ว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอท่านทั้งหลาย โปรดทรงจำข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้มีพระพุทธเจ้า มีพระธรรม และมีพระสงฆ์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า

ที่ชื่อว่ามอบตัวเป็นศิษย์ ได้แก่เข้าถึงความเป็นศิษย์อย่างนี้ว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอท่านทั้งหลาย โปรดทรงจำข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าเป็นอันเตวาสิกของพระพุทธเจ้า ของพระธรรม ของพระสงฆ์ ที่ชื่อว่าความนอบน้อม ได้แก่การเคารพอย่างยิ่งในพระพุทธเจ้าเป็นต้นอย่างนี้ว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้น ไป ขอท่านทั้งหลายโปรดทรงจำข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าจะกระทำการกราบไหว้ การลุกรับ อัญชลีกรรมสามีจิกรรม แด่วัตถุทั้ง ๓ มีพระพุทธเจ้าเป็นต้นเท่านั้น ก็เมื่อกระทำอาการ ๔ อย่างนี้แม้อย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมเป็นอันถือเอาสรณะแล้วโดยแท้

อีกอย่างหนึ่ง พึงทราบการมอบกายถวายชีวิตแม้อย่างนี้ว่า ข้าพเจ้าสละตนแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า สละตนแด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ข้าพเจ้าสละชีวิต ข้าพเจ้าสละตนแน่นอน สละชีวิตแน่นอน ข้าพเจ้าถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง เป็นที่เร้นภัย เป็นที่ป้องกันภัยของข้าพเจ้า การมอบตนเป็นศิษย์ พึงทราบเหมือนการถึงสรณะของ พระมหากัสสปะ แม้อย่างนี้ว่า ข้าพเจ้าพึงเห็น พระศาสดา พึงเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้านั่นเทียว ข้าพเจ้า พึงเห็น พระสุคตหนอ พึงเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้านั่นเทียว ข้าพเจ้าพึงเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหนอ พึงเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้านั่นเที่ยว

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 30 เม.ย. 2552

[เล่มที่ 11] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑- หน้าที่ 486

ความมีพระรัตนตรัยนั้น เป็นเบื้องหน้า พึงทราบเหมือนการถึง สรณะของอาฬวกยักษ์เป็นต้นอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้านั้น จักเที่ยวไปจากบ้านนั้น สู่บ้านนี้ จากเมือนั้น สู่เมืองนี้ นมัสการพระสัมพุทธเจ้า และความเป็นธรรม ที่ดีของพระธรรม ความนอบน้อม พึงทราบแม้อย่างนี้ว่า ครั้งนั้นแล พราหมณ์ชื่อพรหมายุ ลุกจากอาสน ห่มผ้าเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง หมอบลงที่พระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยศีรษะ ใช้ปากจุมพิต พระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า และใช้มือทั้ง ๒ นวดฟั้น พร้อมกับประกาศชื่อว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์เป็นพราหมณ์ชื่อพรหมายุ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์เป็นพราหมณ์ชื่อ พรหมายุ ดังนี้.

ฯลฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 22 ม.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ