โลกของความคิด

 
พุทธรักษา
วันที่  3 พ.ค. 2552
หมายเลข  12190
อ่าน  1,204

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความบางตอนจากเทปวิทยุ แผ่นที่ ๒๗ ครั้งที่ ๑๕๗๒"

ความละเอียดของหิริ โอตตัปปะ อธิบายเรื่องบุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ "บรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ณ ตึกสภาการศึกษา มหามกุฏราชวิทยาลัยวันอาทิตย์ที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๙

ทันที ที่ทางตาเห็น ผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน จะรู้ได้ ด้วย หิริ และ โอตตัปปะในขณะนั้น ว่า สิ่งที่ปรากฏทางตา ขณะนั้น เป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่งแล้วต่อจากนั้น ก็เป็นความคิดคิด เป็น เรื่องราวจากสิ่งที่ปรากฏทางตาคิดว่า เป็น โลก เช่น ในขณะที่กำลังอ่านหนังสือเหมือนกับ ว่า มีเรา และ มีโลก
แต่ความเป็นจริง หากเกิด หิริ และ โอตตัปปะ และ สัทธา มีการพิจารณา และ รู้สภาพธรรมในขณะนั้น ตามความเป็นจริงว่า เป็นเพียง นามธรรม และ รูปธรรมในขณะนั้น จะรู้ได้ ว่า "สิ่งที่ปรากฏทางตา" จะไม่เปลี่ยน "ลักษณะ" เลยเมื่อไร ก็ เมื่อนั้น แต่ว่า หลังจากที่เห็นแล้ว เปลี่ยนตลอด

เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า "สิ่งที่ปรากฏทางตา" เป็น "สิ่งที่ปรากฏทางตา" แต่ "โลกของความคิด" ของเรานี้ ที่ว่าใหญ่มาก แท้จริงแล้ว เกิดจาก "สิ่งที่ปรากฏทางตา" เมื่อ ไม่รู้ความจริง แต่ ถ้ารู้ความจริง ขณะใดขณะนั้น "สติปัฏฐาน" เกิดระลึกรู้ "ลักษณะ" ของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ ขณะนั้น "โลก" ก็คือ "สิ่งที่ปรากฏทางตา" (รูปธรรม) และ "ความคิดนึกถึงสิ่งที่ปรากฏทางตา" (นามธรรม) ที่เกิดขึ้น หลังจากที่เห็น (วิบากจิต) เท่านั้นเอง (นี่คือทางตา) เพราะฉะนั้น "สติ" ตั้งอยู่ที่ไหน ในขณะที่กำลังอ่านหนังสือ ก็เห็นได้ ว่า เมื่อไร "กิเลส" จะหมด ถ้าหาก หิริ โอตตัปปะ และ โสภณธรรมอื่นๆ ไม่เจริญขึ้น ไม่มีทางที่จะไป "เพ่ง" หรือ ไป "ตั้งสติ" แล้วคิดว่า จะบรรลุมรรคผลได้ โดยที่ไม่รู้จักสภาพธรรม ที่กำลังเกิดขึ้น และ เป็นไป ในขณะนี้ตามปกติ ตามความเป็นจริง

... ขออนุโมทนา ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
pornpaon
วันที่ 4 พ.ค. 2552

เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า"สิ่งที่ปรากฏทางตา" เป็น "สิ่งที่ปรากฏทางตา" แต่ "โลกของความคิด" ของเรานี้ ที่ว่าใหญ่มาก แท้จริงแล้ว เกิดจาก "สิ่งที่ปรากฏทางตา" เมื่อ ไม่รู้ความจริง.!

กราบขออนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ขออนุโมทนาคุณพุทธรักษา

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 4 พ.ค. 2552

ทันที ที่ทางตาเห็น ผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน จะรู้ได้ ด้วย หิริ และ โอตตัปปะในขณะนั้น น่ะค่ะว่า สิ่งที่ปรากฏทางตา ขณะนั้น เป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่งแล้วต่อจากนั้น ก็เป็นความคิดคิด เป็น เรื่องราวจากสิ่งที่ปรากฏทางตาคิดว่า เป็น โลก

ที่ว่า รู้ได้ด้วย หิริ และ โอตตัปปะ ในที่นี่นั้น มีความหมายอย่างไรครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
prachern.s
วันที่ 4 พ.ค. 2552
เข้าใจว่า ขณะที่สติสัมปชัญญะเกิดขึ้น มีหิริและโอตตัป เกิดร่วมด้วย
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
พุทธรักษา
วันที่ 5 พ.ค. 2552

ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ท่านอาจารย์ กำลังอธิบายเหตุทีทำให้เกิดสติปัฏฐาน โดยนัยที่มี หิริ โอตตัปปะตามหัวข้อในการบรรยาย คือ

ข้อความบางตอนจากเทปวิทยุ แผ่นที่ ๒๗ ครั้งที่ ๑๕๗๒ "ความละเอียดของหิริ โอตตัปปะ อธิบายเรื่องบุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ" บรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ณ ตึกสภาการศึกษา มหามกุฏราชวิทยาลัยวันอาทิตย์ที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๙

ในกรณีนี้ ... เป็นบุญญกิริยาวัตถุ ในข้อที่เป็น ทิฏฐุชุกรรม คือ ความเห็นถูกต้องตรงตามความเป็นจริง (หากคลาดเคลื่อนประการใดกรุณาทักท้วงด้วยนะคะ) และขอเรียนอนุญาตเรียนถามเพิ่มเติมว่า สติปัฏฐาน มีหิริ โอตตัปปะ เกิดร่วมก็ได้หรือ ไม่มีหิริ โอตตัปปะ เกิดร่วมก็ได้ ใช่ไหมคะ.?

ขอบพระคุณค่ะขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
prachern.s
วันที่ 5 พ.ค. 2552

เรียน ความเห็นที่ 4 ครับ

ขณะที่สติปัฏฐานเกิดต้องมีหิริและโอตตัปปะเกิดร่วมด้วยทุกครั้ง เพราะ หิริ และโอตตัปปะ เป็นโสภณสาธารณเจตสิก คือ เกิดร่วมกับโสภณจิตทุกประเภท ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เมตตา
วันที่ 5 พ.ค. 2552

ขออนุโมทนาท่านอาจารย์ prachern.s ค่ะที่ให้ความกระจ่างขึ้น

แต่ ถ้ารู้ความจริง ขณะใดขณะนั้น "สติปัฏฐาน" เกิดระลึกรู้ "ลักษณะ" ของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ ขณะที่สติปัฎฐานเกิดนั้นย่อมมี หิริ โอตตัปปะ และโสภณธรรมอื่นๆ เกิดพร้อมกับสติ ที่ระลึกลักษณะสภาพธรรมที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ตามปกติ ตามความเป็นจริ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
saifon.p
วันที่ 5 พ.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
suwit02
วันที่ 5 พ.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ค่อยๆศึกษา
วันที่ 28 ส.ค. 2564

ขอบพระคุณครับ ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ