ปฐมสัมโพธสูตร ... วันเสาร์ ๙ พ.ค. ๒๕๕๒
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
••• ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย •••
... สนทนาธรรมที่ ...
>>> มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา <<<
พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ ๙ พ.ค. ๒๕๕๒
เวลา ๐๙:๐๐ - ๑๒:๐๐ น.
ปฐมสัมโพธสูตร
ว่าด้วยความรู้แท้ในเรื่องอายตนะ
[เล่มที่ 28] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 13
[เล่มที่ 28] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 13
ยมกวรรคที่ ๒
๑. ปฐมสัมโพธสูตร
ว่าด้วยความรู้แท้ในเรื่องอายตนะ
[๑๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก่อนแต่ตรัสรู้ เราเป็นโพธิสัตว์ยังไม่ได้ตรัสรู้ ได้มีความคิดดังนี้ว่า อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นความสลัดออกแห่งตา หู จมูก ลิ้น กาย อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นความสลัดออกแห่งใจ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรานั้นได้มีความคิด ดังนี้ว่า สุขโสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยจักษุนี้เป็นคุณแห่งจักษุ จักษุเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งจักษุ
การกำจัด การละฉันทราคะในจักษุ นี้เป็นความสลัดออกแห่งจักษุ ฯลฯ ... สุขโสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยใจ นี้เป็นคุณแห่งใจ ใจเป็นสภาพไม่เที่ยงเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งใจ การกำจัด การละฉันทราคะในใจ นี้เป็นความสลัดออกแห่งใจ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่รู้ตามความเป็นจริง ซึ่งคุณแห่งอายตนะภายใน ๖ เหล่านี้ โดยเป็นคุณ ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ และซึ่งความสลัดออกโดยเป็นความสลัดออก อย่างนี้เพียงใด เราก็ยังไม่ปฏิญาณว่าได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์เพียงนั้น. เมื่อใด เราได้รู้ตามความเป็นจริง ซึ่งคุณแห่งอายตนะภายใน ๖ เหล่านี้ โดยเป็นคุณ ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ และซึ่งความสลัดออกโดยเป็นความสลัดออกอย่างนี้ เมื่อนั้น เราจึงปฏิญาณว่า ได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ก็ญาณทัสสนะเกิดขึ้นแล้วแก่เราว่าความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบ ชาตินี้เป็นที่สุด บัดนี้ภพใหม่ไม่มี
จบ สัมโพธสูตรที่ ๑
๒. ทุติยสัมโพธสูตร
ว่าด้วยความรู้แท้ในเรื่องอายตนะ
[๑๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก่อนแต่ตรัสรู้ เราเป็นโพธิสัตว์ยังไม่ได้ตรัสรู้ ได้มีความคิดดังนี้ว่า อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นความสลัดออกแห่งรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นความสลัดออกแห่งธัมมายตนะ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรานั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า สุขโสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยรูป นี้เป็นคุณแห่งรูป รูปเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งรูป การกำจัด การละฉันทราคะในรูป นี้เป็นความสลัดออกแห่งรูป ฯลฯ ... สุขโสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยธัมมายตนะ นี้เป็นคุณแห่งธัมมายตนะ ธัมมายตนะเป็นสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งธัมมายตนะ การกำจัด การละฉันทราคะในธัมมายตนะ นี้เป็นความสลัดออกแห่งธัมมายตนะ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่รู้ตามความเป็นจริง ซึ่งคุณแห่งอายตนะภายนอก ๖ เหล่านี้ โดยเป็นคุณ ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษและซึ่งความสลัดออก โดยเป็นความสลัดออก อย่างนี้ เพียงใด เราก็ยังไม่ปฏิญาณว่า ได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ เพียงนั้น. เมื่อใด เราได้รู้ตามความเป็นจริง ซึ่งคุณแห่งอายตนะภายนอก ๖ เหล่านี้ โดยเป็นคุณ ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ และซึ่งความสลัดออกโดยเป็นความสลัดออกอย่างนี้ เมื่อนั้น เราจึงปฏิญาณว่า ได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ก็ญาณทัสสนะเกิดขึ้นแล้วแก่เราว่า ความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบ ชาตินี้เป็นที่สุด บัดนี้ภพใหม่ไม่มี
จบ สัมโพธสูตรที่ ๒
ซาบซึ้งในพระมหากรุณาคุณของ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมอันน่าอัศจรรย์ ให้รู้ว่า สิ่งใดเป็นโทษ สิ่งใดไม่เป็นโทษ ควรละสิ่งใด ควรเจริญสิ่งใด ควรชำระสิ่งใด
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปฐมสัมโพธสูตร
ว่าด้วยความรู้แท้ในเรื่องอายตนะภายใน ๖
ข้อความโดยสรุป
พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงว่า เมื่อพระองค์ยังเป็นพระโพธิสัตว์ ก่อนแต่ตรัสรู้ ยังไม่ได้ตรัสรู้ ได้มีความคิดถึงว่าอะไรเป็นคุณ เป็นโทษ และเป็นความสลัดออกแห่งอายตนะภายใน ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ (สุขโสมนัส เกิดขึ้นเพราะอาศัยอายตนะภายใน ๖ เป็นคุณ อายตนะภายใน ๖ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา เป็นโทษ การกำจัด การละฉันทราคะในอายตนะภายใน ๖ เป็นการสลัดออก) เมื่อพระองค์ยังไม่รู้ตามความเป็นจริงซึ่งอายตนะภายใน ๖ เหล่านี้โดยความเป็นคุณ เป็นโทษ และโดยเป็นความสลัดออก จึงยังไม่ปฏิญาณว่าได้บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ แต่เมื่อได้รู้ตามความเป็นจริงแล้ว จึงปฏิญาณว่าได้บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ.
* ในทุติยสัมโพธสูตร แสดงถึงอายตนะภายนอก ๖ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะและ ธัมมายตนะ โดยนัยเดียวกันกับปฐมสัมโพธสูตร *
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...