ถึงนิพพิทาญาณไม่ได้ ถ้าไม่ถึงนามรูปปริจเฉทญาณ
ท่านผู้ถาม : ผู้ปฏิบัติจนกระทั่งได้ถึงนิพพิทาญาณ การปฏิบัติของเขาก็คือ ดูรูปนั่ง รูปนอน รูปยืน รูปเดิน ผมยังสงสัยว่า รูปนั่ง รูปนอน รูปยืน รูปเดิน เขาไปดูกันยังไง ปฏิบัติกันอย่างไร จนบรรลุได้ถึงนิพพิทาญาณ
ท่านอาจารย์ : นามรูปปริจเฉทญาณเป็นอย่างไร เมื่อไม่รู้ก็จะถึงนิพพิทาญาณไม่ได้
กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ ขณะที่สติระลึกรู้ลักษณะของรูปปรมัตถธรรมทีละลักษณะซึ่งปรากฏที่กาย คือ รูปเย็นบ้าง รูปร้อนบ้าง รูปอ่อนบ้าง รูปแข็งบ้าง รูปตึงบ้าง รูปไหวบ้าง ไม่ใช่ดูรูปเป็นท่าทางนั่ง นอน ยืน เดิน เมื่อสภาพเย็นปรากฏที่กายก็เป็นเพียงสภาพธรรมที่เย็น จึงไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตน เมื่อไม่รู้ลักษณะของรูปธรรมที่ปรากฏแต่ละทวารว่าเป็นเพียงรูปที่ปรากฏได้แต่ละทวารเท่านั้น ก็จะถึงนามรูปปริจเฉทญาณไม่ได้เมื่อปัญญาไม่ถึงนามรูปปริจเฉทญาณ...ก็จะถึงนิพพิทาญาณไม่ได้
ดาวน์โหลดหนังสือ --> ปรมัตถธรรมสังเขป
เคยได้ฟังมาเหมือนกันครับ เรื่องรูปนั่ง รูปนอนยืนเดินอะไรอย่างนั้น ว่าต้องปฏิบัติอย่างนั้นคล้ายๆ กับคอยจดจ้องที่จะดูรูป เหมือนกับจะทำเพื่อจะดูยังไงอย่างนั้น เมื่อผมได้ฟังธรรมศึกษาพระธรรมที่บ้านธัมมะนี้ จึงเกิดการเปรียบเทียบว่าที่ไหนปรกติมีเหตุมีผลมากกว่ากัน ก็เริ่มเข้าใจมากขึ้นแล้วครับว่า ต้องขณะปัจจุบันขณะพร้อมสติเกิดขึ้นรู้ความต่างกันของสภาวธรรมแต่ละอย่างๆ โดยไม่สามารถไปบังคับบัญชาได้เลย ก็กราบขอบพระคุณบ้านธัมมะอย่างสูงยิ่งครับ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
ธรรม สิ่งที่มีจริงในโลก หรือทั่วโลก ในจักรวาล ทั้งหมดทุกแห่ง จะมี สภาพธรรมที่ต่างกันเป็น ๒ ลักษณะ คือ สภาพธรรมที่เป็นสภาพรู้อย่างหนึ่ง เราจะใช้ภาษาบาลีว่า “นาม” หรือ “นามธรรม” ก็ได้ และสภาพธรรมที่ไม่ใช่สภาพรู้อีกอย่างหนึ่ง เราจะใช้คำว่า “รูป” หรือ “รูปธรรม” ก็ได้ ...
รูปไม่ใช่สภาพรู้ รูปไม่รู้อะไรเลย รูปไม่เจ็บ รูปไม่หิว รูปกินไม่ได้ เห็นไม่ได้ สุขไม่ได้ ทุกข์ไม่ได้ โกรธไม่ได้ อิจฉาไม่ได้ ริษยาไม่ได้
ลักษณะอื่นทั้งหมดเป็นนามธรรม ง่วงก็เป็นนามธรรม หิวก็เป็นนามธรรม อิ่มก็เป็นนามธรรม ชอบก็เป็นนามธรรม ดีใจก็เป็นนามธรรม จำได้ก็เป็นนามธรรม เพราะฉะนั้นคิดก็เป็นนามธรรม โต๊ะคิดไม่ได้ เก้าอี้คิดไม่ได้ รูปคิดไม่ได้ และนามธรรมมี ๒ อย่าง คือ จิตกับเจตสิก
เรื่องของตัวเราทั้งหมด แต่เราไม่เคยรู้เลย จนกว่าเราจะศึกษาธรรมโดยละเอียด แล้วเราจะเห็นความเป็นอนัตตาว่า บังคับบัญชาไม่ได้ อยากจะเห็น แต่ถ้าตาบอดก็เห็นไม่ได้ อยากจะได้ยิน แต่ไม่มีโสตปสาทก็ได้ยินไม่ได้ อยากจะคิดเรื่องดีๆ ก็คิดเรื่องที่ไม่ดีอีกแล้ว ใช่ไหมคะ บังคับบัญชาไม่ได้ ตามการสะสม แต่ถ้าสะสมบ่อยๆ ในทางกุศล และมีปัญญา ก็จะคิดในทางที่ดีเพิ่มขึ้น ในทางที่ถูกต้องเพิ่มขึ้น
กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งค่ะ
คลิกฟังได้ที่ ...