เห็นโทษภัยของ กิเลส
เพียรละกิเลสโดย
เป็นผู้เลี้ยงง่ายมีความอดทน มีความเมตตาอันเสมอภาค
ทำตัวเหมือนผ้าเช็ดธุลีทำตัวเหมือนลูกทาสี ทำตัวเหมือนโคเขาขาด
อ่อนน้อมถ่อมตน ละอาย รังเกียจ และ เห็นโทษภัยของโลภะ โทสะ โมหะ
แค่อ่าน หรือ ไตร่ตรองแล้ว ค่อยๆ น้อมประพฤติตาม ในชีวิตปกติได้??
(เตือนใจตัวเองค่ะ , ยากมาก , แต่โอกาสเป็นไปได้ มี)
เริ่มที่จะออกเดินทาง..เพื่อไถ่ถอน หรือยังนะ?
.......กราบอนุโมทนา......
เคยได้อ่าน..........ท่านอาจารย์สุจินต์ กล่าวว่า"ผู้เห็นอกุศลของตนเองเป็นผู้ประเสริฐ"....น่ะค่ะ.
เข้าใจว่า...เป็น "ความจริง" อย่างนั้นเพราะปกติแล้ว...เรามักจะเห็น อกุศลของคนอื่น มากกว่า อกุศลของตัวเอง...?
.
.
.
?
ท่านผู้รู้กล่าวว่า
กิเลส เป็นภัยที่มองไม่เห็น
ควรเป็นเช่นนั้นจริง
เพราะเมื่อมีเหตุการณ์อันมีสภาพธรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน...เกิดขึ้น
โลภะ...โทสะ...โมหะ มักมากันพร้อมหน้า
แสดงให้เห็นว่า ตนเอง ยังไม่ได้กลัวภัยใหญ่...ยังไม่เห็นภัยของวัฏฏะ
ยังรักกิเลส ยังไม่เห็นโทษภัยของกิเลสอยู่เลยค่ะ
(ขอสารภาพ)
ขออนุโมทนาคุณ opanayigo
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
หากไม่ศึกษาพระธรรมก็ไม่รู้จักกิเลสเมื่อไม่รู้จักกิเลสก็ไม่เห็นภัยถ้าไม่เห็นภัยก็ไม่คิดจะละกิเลส....เมื่อยังมีกิเลสก็ต้องวนเวียนในสังสารวัฏฏ์อีกนาน อนุโมทนาคะ
กิเลสเป็นภัยมืดใกล้ตัวที่มองเห็นยากจริงๆ
นอกจากค่อยๆ อมรมเจริญปัญญา
ด้วยการฟังพระธรรมให้เข้าใจทีละเล็กทีละน้อย
จึงค่อยๆ เห็นโทษภัยของกิเลส
แล้วปัญญาก็จะค่อยๆ ทำหน้าที่ละตามกำลังของปัญญา
ขออนุโมทนาค่ะ
จิตอาศัยอะไรเป็นเครื่องนำไปจิตไม่ได้อาศัยกิเลสเป็นเครื่องนำไปหมดกิเลสแล้ว จิตจะเป็นอย่างไรจิตไม่ได้อาศัยกุศลเป็นเครื่องนำไปหมดกุศลแล้ว จิตจะเป็นอย่างไรกุศล อกุศล หมดได้หรือ