การขอขมา

 
คุณย่า
วันที่  11 พ.ค. 2552
หมายเลข  12315
อ่าน  1,900

สนทนาพื้นฐานพระอภิธรรม ที่มูลนิธิฯ วันอาทิตย์ที่ ๑๕ มี.ค. ๒๕๕๒

อร. เห็น..หลายคนเล่าให้ฟังว่า จะประทับใจการขอขมาพระรัตนตรัย ก็เกิดคำถามว่า เอ๊ะ...เหมือนกับว่าปกติไม่ได้ขอขมา ต้องไปที่สังเวชนียสถาน แล้วจึงจะขอขมาพระรัตนตรัย จะกราบเรียนถามท่านอ.จ. ว่า กราบพระธาตุแล้วก็สามารถจะกราบขอขมาได้

อ.จ. ขอ..ได้ทุกวันค่ะ ไม่มีใครห้ามเลย แต่ว่า ณ สถานที่นั้น เป็นโอกาสหรือเปล่า ที่จะได้ขอขมาด้วยค่ะ เราไม่ได้เคยขอขมาหมู่ เลยใช่ไหมค่ะ บางคนก็ขอขมาเป็นส่วนตัวใช่ไหม แต่เมื่อถึงเวลานั้น เราก็พร้อมใจกัน ที่จะระลึกถึงพระคุณและขอขมา ถ้าเรามีการได้ ผิดพลาดในพระรัตนตรัยด้วยประการใดๆ ก็ตาม เพราะห้ามใจไม่ได้ ใช่ไหมค่ะ บางคนอาจจะคิดในสิ่งที่ไม่สมควรจะคิดเลย ต่อพระรัตนตรัยก็เป็นได้ เห็นความเป็นอนัตตาของธรรมค่ะ เพราะฉะนั้น ก็ส่วนรวม ก็คือว่า ร่วมกันขอขมาพระรัตนตรัย แค่นี้ก็สงสัยหรือค่ะ

อร. จริงๆ ..แล้วประเด็นนี้ คุยกันกับ อ.จ. อรรณพ ก็ว่าที่มูลนิธิ นี้ก็ไม่ได้มีกิจกรรมเช่นนั้น ถ้าเช่นนั้นในวันสำคัญ เราก็น่าจะมีการขอขมาพระรัตนตรัยหมู่ เพราะการไปอินเดีย ก็จะมีทั้งคนที่มีโอกาสไปและ ไม่มี โอกาสไป ตามเหตุตามปัจจัย แต่การมาฟังธรรมที่นี่ พูดจริงๆ แล้วก็มี โอกาสที่ง่ายกว่าการไปอินเดีย เพราะฉะนั้นในที่นี้ก็น่าจะมีการขอขมา

อ.จ. ก็.. เป็นข้อเสนอ ไม่ทราบเห็นด้วยกันหรือเปล่าค่ะ

กุลวิไล ใน..บทที่ขอขมาพระรัตนตรัยก็มี สาระสำคัญหลายอย่าง แม้แต่การที่เราจะเห็นโทษ ของการที่จะมีความเห็นผิดและแน่นอน กรรมอันน่าติเตียนใด ที่ได้กระทำแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางกาย ทางวาจา หรือ ทางใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เพื่อความสำรวมระวังในพระรัตนตรัย ตลอดไป ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะจริงๆ แล้ว กุศลจิตจะเกิดขึ้น ต่อเมื่อเราเห็นอกุศลของเราในชีวิตประจำวัน

อ.จ. รู้..สึกว่าจะมีคนเห็นด้วย กรุณายกมือได้ไหมค่ะ

กุล. ลายท่านจะร่วมสนทนา ออกความคิดเห็นก็ได้ค่ะ

อ.จ. แต่..ว่า ขอขมาแล้วก็แล้วไป หรือว่าขอขมาแล้วก็ศึกษาธรรมให้มากขึ้น มีสัทธาเพิ่มขึ้นและสิ่งใดที่เป็นคำสอน แล้วยังไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตาม ยังไม่ต้องถึงสติปัฎฐาน เพียงแต่อกุศลที่เคยมี เห็นโทษ แล้วค่อยๆ ละคลายหรือเปล่า นั่นจึงจะเป็นการขอขมาที่ตรงกับที่พระผู้มีพระภาค ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาที่จะอนุเคราะห์สัตว์โลก ด้วยการแสดงธรรม แต่ไม่ใช่เพียงขอขมาแล้วๆ ก็เก็บอกุศลหนักๆ เอาไว้อย่างเดิม หรือว่ายังไงค่ะ เหมือนปลงอาบัติใช่ไหมค่ะ ปลงได้ทุกวัน ถ้าไม่ระลึกได้จริงๆ เป็นสิ่งที่จะไม่กระทำอีก เพราะปลงครั้งเดียว แล้วก็ไม่กระทำ หรือว่าปลงแล้วทำอีก ปลงอีก ทำแล้วปลงอีก ไปเรื่อยๆ ก็ไม่เป็นประโยชน์ เพราะเข้าใจว่าปลงได้ ก็เลยปลง

อร. แต่..ในคำขอขมา จำได้ว่ามีว่า เพื่อการสำรวมระวัง ที่จะละอกุศลแล้วเจริญกุศลต่อไป ตรงนี้ถ้าไม่ละเลยไม่ข้าม ก็จะเป็นสติให้ระลึกได้ ไม่ใช่ขอขมาแล้วสบายใจว่า ทำผิดไปแล้วก็มาขอขมา แต่ในคำขอขมา ก็จะมีคำว่า เพื่อสำรวมระวังในพระรัตนตรัยตลอดไป

อ.จ. ขอ..ขมาแล้วก็ ทำตามหรือเปล่า

อร. ก็..ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

อ.จ. ก็..เป็นธรรมดาค่ะ อย่างน้อยที่สุดก็ยัง ระลึกได้ว่าสมควรที่ขอขมาและถ้ามีการระลึกได้ ถูกต้องยิ่งขึ้นก็คือว่า ควรที่จะประพฤติปฏิบัติตามคราวก่อนๆ วันก่อนๆ ปีก่อนๆ ไม่ได้ประพฤติตาม แต่พอขอขมาแล้ว ก็ประพฤติตาม ถ้าขอขมาแล้วยังไม่ประพฤติตาม วันนี้ก็ได้ค่ะ เริ่มได้เสมอค่ะ ก็ยังเหมือนเดิมหรือเปล่าค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำ แต่สัทธาและปัญญาที่เจริญขึ้น ก็จะทำให้รู้จักตัวเองตาม ความเป็นจริง รู้จักแม้แต่ขณะที่ขอขมา ด้วยความจริงใจ มั่นคงแล้วหรือยัง....


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
orawan.c
วันที่ 12 พ.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
suwit02
วันที่ 12 พ.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 12 พ.ค. 2552

ขอขมา เพื่อสำรวมระวังในพระรัตนตรัยตลอดไป ด้วยความจริงใจ มั่นคง

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
opanayigo
วันที่ 12 พ.ค. 2552

ขมาด้วยใจจริง สลด สังเวช ละอาย (คิดไปตามการปรุงแต่งตามกำลังอกุศล) เพื่อจะสำรวมระวังในพระรัตนตรัยในกาละต่อไป ตามสติปัญญาและกำลัง ตามความเป็นจริง

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
พุทธรักษา
วันที่ 14 พ.ค. 2552

กุลวิไล ใน..บทที่ขอขมาพระรัตนตรัยก็มี สาระสำคัญ หลายอย่าง แม้แต่ การที่เราจะเห็นโทษ ของการที่จะมีความเห็นผิด และ แน่นอน กรรม อันน่าติเตียนใด ที่ได้กระทำแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ทางกาย ทางวาจา หรือ ทางใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เพื่อความสำรวมระวังในพระรัตนตรัย ตลอดไป ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะจริงๆ แล้ว กุศลจิตจะเกิดขึ้น ต่อเมื่อ เราเห็นอกุศลของเรา ในชีวิตประจำวัน

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 14 พ.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 14 พ.ค. 2552

อ.จ. แต่..ว่า ขอขมาแล้วก็แล้วไป หรือว่าขอขมาแล้วก็ศึกษาธรรมให้มากขึ้น มีสัทธาเพิ่มขึ้นและสิ่งใดที่เป็นคำสอน แล้วยังไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตาม ยังไม่ต้องถึงสติปัฎฐาน เพียงแต่อกุศลที่เคยมี เห็นโทษ แล้วค่อยๆ ละคลายหรือเปล่า นั่นจึงจะเป็นการขอขมาที่ตรงกับที่พระผู้มีพระภาค ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาที่จะอนุเคราะห์สัตว์โลก ด้วยการแสดงธรรม แต่ไม่ใช่เพียงขอขมาแล้วๆ ก็เก็บอกุศลหนักๆ เอาไว้อย่างเดิม

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
tanakase
วันที่ 15 พ.ค. 2552

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornpaon
วันที่ 16 พ.ค. 2552

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
saifon.p
วันที่ 17 พ.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
pamali
วันที่ 14 ต.ค. 2553

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอจ.สุจินต์.. และทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
jadesri
วันที่ 9 ธ.ค. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
เรือนแก้ว
วันที่ 14 มิ.ย. 2554

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
kaeboon
วันที่ 9 ส.ค. 2567

อนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ