ไปสนทนาธรรมที่บ้านมิ่งโมฬี อำเภอสวนผึ้ง ราชบุรี
เมื่อวันที่ ๑๒ – ๑๓ พ.ค. ที่ผ่านมา โชคดีที่มีโอกาสไปร่วมฟังสนทนาธรรมที่บ้านมิ่งโมฬี ของคุณพ่ออุดม คุณแม่นวลศรี และน้องลักษณ์ ร.อ.หญิง ศิริลักษณ์ มิ่งโมฬี ผู้ประกาศข่าวกีฬาสาวสวยของ ททบ. ๕ ที่อำเภอสวนผึ้ง จ. ราชบุรี
บ้านมิ่งโมฬีเป็นบ้านไม้สักทอง ๒ ชั้น หลังใหญ่ อยู่ติดถนนทางไปไร่อุษาวดี ซึ่งเกือบติดชายแดนพม่า บ้านปลูกบนเนิน มองเห็นเทือกเขาตะนาวศรีลดหลั่นสวยงามมีเมฆพัดผ่านยอดเขาหลายลูก เป็นบ้านที่เห็นภูเขาได้สวยงามมาก ในหน้าหนาวอากาศที่นี้จะหนาวเย็น อุณหภูมิประมาณ ๗ องศา (ข้อมูลจากแม่ค้าผัดไท) หลังบ้านเป็นสวนผลไม้ประมาณ ๒๐ กว่าไร่ มีทั้งส้มโอ มะไฟ ลิ้นจี่ ลำไย และอีกหลายอย่างสับปะรดของสวนผึ้งที่เจ้าภาพนำมาเลี้ยงก็หวานมาก ธรรมที่ได้ฟังในครั้งนี้นั้นมากมาย แต่สติปัญญาเท่าที่มีอยู่ เก็บความได้ดังนี้ค่ะวันแรก ท่านอาจารย์เริ่มด้วย “การสนทนาธรรมตามกาลเป็นมงคลอย่างยิ่ง” และมีคำถามจากผู้ฟังหลายท่าน เราตอบในใจก่อนท่านตอบ มีผิดบ้างถูกบ้าง มีคำถามหนึ่งถามว่า “พระอรหันต์มีปัญญาตลอดเวลาหรือไม่”
ท่านถามว่า “จิตเห็นของพระอรหันต์กับปุถุชนเหมือนกันไหม” คำตอบคือ “เหมือนกัน เพราะประกอบด้วยสัพพจิตตสาธารณเจตสิกเพียง ๗ ดวงเท่ากัน” เพราะฉะนั้น พระอรหันต์จึงไม่มีปัญญาตลอดเวลา สติทำหน้าที่ระลึกลักษณะของสภาพธรรม ปัญญาทำหน้าที่ละความไม่รู้ สภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา แต่ไม่เป็นอิสระจากกัน ต่างก็เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย อาศัยซึ่งกันและกันจึงเกิดขึ้น และในวันที่สอง ท่านอาจารย์เริ่มการสนทนาธรรมวันนี้ด้วยคำถามว่า “ถ้าสมมติว่ามีบ่อเงินบ่อทองเพชรพลอยมากมาย กับการเข้าใจธรรม จะเลือกอะไร” ทุกคนตอบว่า“เลือกการเข้าใจธรรม” แล้วท่านก็บรรยายธรรมอีกมากมาย
แล้วสรุปว่า ถึงแม้จะเลือกบ่อเงินทองเพชรพลอย ก็ต้องจากไป เมื่อถึงเวลา แล้วขณะนี้ล่ะ แค่ดอกไม้สวยๆ กลิ่นหอมๆ อาหารรสอร่อยกับความเข้าใจสภาพธรรม จะเลือกอย่างไหน คำตอบของเราก็คือว่า เราก็ยังเลือกดูภูเขาสวยๆ มีปุยเมฆพัดผ่านไปมา ที่อยู่ตรงหน้า ในขณะที่ท่านอาจารย์กำลังอธิบายธรรมอยู่บ่อยๆ ไม่ได้อยากเข้าใจสภาพธรรมอย่างที่ตัวเองคิดเลย ขออนุโมทนาในกุศลจิตของเจ้าภาพเป็นอย่างยิ่งค่ะ ที่ทำให้มีโอกาสได้ฟังธรรมในสถานที่น่ารื่นรมย์ สัปปายะอย่างยิ่งเช่นนี้ ขอให้น้องลักษณ์และครอบครัวเจริญด้วยกุศลทุกประการค่ะ
