เวปจิตติสูตร พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญขันติธรรม ... วันเสาร์ที่ ๒๓ พ.ค. ๒๕๕๒
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
••• ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย •••
... สนทนาธรรมที่ ...
>>> มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา <<<
พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ ๒๓ พ.ค. ๒๕๕๒
เวลา ๐๙:๐๐ - ๑๒:๐๐น.
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๔๖๘
๔. เวปจิตติสูตร
พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญขันติธรรม
[๘๖๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ อยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐีฯ ลฯ
[๘๖๘] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว สงความระหว่างเทวดากับอสูรประชิดกันแล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ท้าวเวปจิตติจอมอสูรตรัสกะพวกอสูรว่า ดูก่อนท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ถ้าเมื่อสงครามระหว่างเทวดากับอสูรประชิดกัน พวกอสูรพึงชนะ พวกเทวดาพึงปราชัยไซร้ ท่านทั้งหลายพึงมัดท้าวสักกะจอมเทวดา ด้วยการมัดห้าแห่งอันมีคอเป็นที่ ๕ แล้วพึงนำมายังอสูรบุรี ในสำนักของเราดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ท้าวสักกะจอมเทวดาก็บัญชากะเทวดาชั้นดาวดึงส์ทั้งหลายว่า ดูก่อนท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ถ้าเมื่อสงครามระหว่าง เทวดากับอสูรประชิดกัน พวกเทวดาพึงชนะ พวกอสูรถึงปราชัยไซร้ ท่านทั้งหลายพึงมัดท้าวเวปจิตติจอมอสูร ด้วยการมัดห้าแห่งอันมีคอเป็นที่ ๕ แล้วพึงนำมายังสุธรรมาสภา ในสำนักของเราดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลในสงความครั้งนั้น พวกเทวดาชนะ พวกอสูรปราชัย ครั้งนั้น เทวดาชั้นดาวดึงส์ได้จับท้าวเวปจิตติจอมอสูรมัดด้วยการมัดห้าแห่ง อันมีคอเป็นที่ ๕ แล้วนำมายังสุธรรมาสภาในสำนักของท้าวสักกะจอมเทวดา.
[๘๖๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ทราบว่า ในครั้งนั้น ท้าวเวปจิตติ จอมอสูรถูกมัดด้วยการมัดห้าแห่งอันมีคอเป็นที่ ๕ ได้ด่าบริภาษท้าวสักกะจอมเทวดา ซึ่งกำลังเสด็จเข้าและออกยังสุธรรมาสภา ด้วยวาจาอันหยาบคาย มิใช่ของสัตบุรุษ.
[๘๗๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล มาตลีเทพบุตร ผู้สงเคราะห์ ได้ทูลถามท้าวสักกะจอมเทวดาด้วยคาถาว่า ข้าแต่ท้าวสักกะมฆวาฬ พระองค์ ได้ทรงสดับถ้อยคำอันหยาบคาย เฉพาะ หน้า ของท้าวเวปจิตติจอมอสูร ยังทรง อดทนได้ เพราะความกลัว หรือเพราะ ไม่มีกำลัง พระเจ้าข้า.
[๘๗๑] ท้าวสักกะตรัสตอบว่า เราอดทนถ้อยคำอันหยาบคายของ ท้าวเวปจิตติได้ เพราะความกลัวหรือ เพราะไม่มีกำลัง ก็หาไม่ วิญญูชนผู้เช่นเรา ไฉนจะพึงโต้ตอบกับคบพาลเล่า.
[๘๗๒] มาตลีเทพบุตรทูลว่า คนพาลไม่มีผู้กำราบ มันยิ่งกำเริบ เพราะฉะนั้น ธีรชนพึงกำราบคนพาลด้วย อาชญาอย่างรุนแรง.
[๘๗๓] ท้าวสักกะตรัสตอบว่า ผู้ใดรู้ว่าคนอื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติ สงบระงับได้ เราเห็นว่าการสงบระงับได้ ของผู้นั้นแล เป็นการกำราบคนพาลละ.
[๘๗๔] มาตลีเทพบุตรทูลว่า ข้าแต่ท้าววาสวะ ข้าพระองค์เห็น โทษในความอดทนนี้แล เมื่อใด คนพาล ย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่า ผู้นี้ย่อมอดกลั้น ต่อเราเพราะความกลัว เมื่อนั้น คนมี ปัญญาทรามยิ่งข่มขี่ผู้นั้น เหมือนโคยิ่ง ข่มขี่โคตัวแพ้ที่หนีไป ฉะนั้น.
[๘๗๕] ท้าวสักกะตรัสตอบว่า บุคคลจะสำคัญเห็นว่า ผู้นี้อดกลั้น ต่อเรา เพราะความกลัวหรือหาไม่ ก็ตามที ประโยชน์ทั้งหลาย มีประโยชน์ของตนเป็น อย่างยิ่ง ประโยชน์ยิ่งกว่าขันติไม่มี ผู้ใด แลเป็นคนมีกำลัง อดกลั้นต่อคนผู้ทุรพล ไว้ได้ ความอดกลั้นของผู้นั้น บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวว่าเป็นขันติอย่างยิ่ง คน ทุรพลจำต้องอดทนอยู่เป็นนิตย์ บัณฑิต ทั้งหลายกล่าว กำลังของผู้ซึ่งมีกำลังอย่าง คนพาลว่ามิใช่กำลัง ไม่มีผู้ใดที่จะกล่าว โต้ต่อผู้มีกำลัง ผู้ซึ่งธรรมคุ้มครองแล้วได้ เลย เพราะความโกรธนั้น โทษที่ลามก จึงมีแก่ผู้ที่โกรธตอบต่อผู้ที่โกรธ บุคคลผู้ ไม่โกรธตอบต่อผู้ที่โกรธ ย่อมชื่อว่าชนะ สงความซึ่งเอาชนะได้ยาก ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่น โกรธแล้ว เป็นผู้มีสติระงับไว้ได้ ผู้นั้น ชื่อว่า ประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย คือ ทั้งฝ่ายตนและคนอื่น คนที่ไม่ฉลาด ในธรรม ย่อมสำคัญเห็นผู้รักษาประโยชน์ ของทั้งสองฝ่าย คือ ของตนและของคนอื่น ว่าเป็นคนโง่ ดังนี้.
[๘๗๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ท้าวสักกะจอมเทวดาพระองค์นั้นเข้าไปอาศัยผลบุญของพระองค์เป็นอยู่ เสวยรัชสมบัติมีความเป็นใหญ่ยิ่งด้วยความเป็นอิสระแห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์ ยังพรรณนาคุณของขันติ และโสรัจจะได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่พวกเธอบวชแล้วในธรรมวินัยที่เรากล่าวชอบแล้วเช่นนี้ เป็นผู้อดทนและสงบเสงี่ยมนี้ จะพึงงามในธรรมวินัยนี้โดยแท้
จบ เวปจิตติสูตร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เวปจิตติสูตร
พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญขันติธรรม
ข้อความโดยสรุป
พระผู้มีพระภาค ตรัสกับภิกษุทั้งหลาย โดยทรงปรารภถึงการที่ท้าวสักกะ ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์ ทรงพรรณนาคุณของขันติ (ความอดทน) และโสรัจจะ (ความสงบเสงี่ยม) ความว่า เมื่อสงครามระหว่างเทวดากับอสูรเข้าประชิดกัน เทวดาเป็นฝ่ายชนะ เทวดาจึงจับท้าวเวปจิตติมัดที่มือที่เท้าและที่คอ นำมายังสุธรรมาสภาในสำนักของท้าวสักกะ ท้าวเวปจิตติได้ด่าท้าวสักกะด้วยถ้อยคำอันหยาบคาย มาตลี-เทพบุตรเห็นดังนั้น จึงได้ทูลถามท้าวสักกะว่า ทรงอดทนต่อถ้อยคำอันหยาบคายของท้าวเวปจิตติได้ เพราะความกลัว หรือ เพราะไม่มีกำลัง ท้าวสักกะตรัสตอบว่า ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง เพราะพระองค์ไม่ทรงโต้ตอบคนพาล นอกจากนั้นท้าวสักกะ ยังได้ตรัสกับมาตลีเทพบุตรถึงคุณของขันติ ต่อไปอีก เช่น ประโยชน์ทั้งหลายมีประโยชน์ของตนเป็นอย่างยิ่ง, ประโยชน์ยิ่งกว่าขันติ ย่อมไม่มี, บุคคลผู้ไม่โกรธตอบต่อผู้ที่โกรธย่อมชื่อว่า ชนะสงครามซึ่งเอาชนะได้ยาก ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่น โกรธแล้ว เป็นผู้มีสติระงับไว้ได้ ผู้นั้น ชื่อว่า ประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย คือ ทั้งฝ่ายตนและคนอื่น เป็นต้น ในตอนท้ายพระผู้มีพระภาค ตรัสว่า เมื่อพวกเธอบวชเข้ามาในพระธรรมวินัยนี้แล้วถ้ามีความอดทนและมีความสงบเสงี่ยม ก็จะพึงงามในพระธรรมวินัยนี้โดยแท้
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เมื่อพวกเธอบวชเข้ามาในพระธรรมวินัยนี้แล้ว ถ้ามีความอดทนและมีความสงบเสงี่ยม ก็จะพึงงามในพระธรรมวินัยนี้โดยแท้.