เป็นเพียงขั้นเริ่มฟังเข้าใจ....
สนทนาพื้นฐานพระอภิธรรม ที่มูลนิธิฯ
วันอาทิตย์ที่ ๘ มี.ค. ๒๕๕๒
อ.จ. ทรง..แสดงไว้มากมายถึง ๘๙ ประเภท ก็จำแนกไป โดยชาติ โดยภูมิ โดยธรรมที่เกิดร่วมด้วยหลากหลาย เป็นความจริง แต่ความรู้ของเราน้อยมาก เราไปมัวแต่จำชื่อ ว่าจิตเห็นขณะนี้มีเจตสิกเกิดร่วมด้วย ๗ ประเภท แล้วก็ไปจำชื่อ แต่ละชื่อ ซึ่งความจริงก็ไม่ผิด แต่ให้รู้ว่า ทุกชื่อที่ได้ยินนี้ยังไม่รู้จัก เพียงแต่ได้ยิน แต่ว่าลักษณะของสภาพธรรมที่ได้ยินนี้ ยังไม่ได้ปรากฎ เพราะว่าเป็นเพียงขั้นเริ่มต้นฟัง และเข้าใจว่า สิ่งที่มีที่เราไม่รู้นี้ มากแค่ไหน ไม่รู้แม้ว่าที่จิตเกิดเห็น เกิดได้อย่างไร แล้วก็ดับไปแล้ว แล้วมีสภาพธรรมที่เกิดร่วมด้วยเท่าไร
นั่น..ก็คือ เริ่มรู้ว่า ไม่รู้ความจริงของธรรม แม้แต่เพียงเห็น แล้ววันหนึ่งๆ ก็ไม่ใช่มีแต่เห็น ได้ยินก็มี คิดนึกก็มี โลภะอะไรก็ทุกอย่าง ก็แสดงว่า ถ้าไม่มีการฟังพระธรรม ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ได้เลย....
ถ้าไม่มีการฟังพระธรรม ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ได้เลย....
สาธุ
มีการฟังอยู่แล้ว และรู้หรือเข้าใจความจริงของสภาพธรรมอยู่แล้ว แต่สภาพธรรมก็ยังไม่ปรากฎอยู่ดี ก็ต้องฟังไปเรื่อยๆ ไช่ไหมครับ
ยิ่งฟังเหมือนไม่ได้ฟังและยิ่งยากขึ้น เมื่อไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เพราะโลภะตามติด คลอเคลียไม่ห่างเลย
ที่ว่า "เริ่มเข้าใจ" ชาวพุทธที่จะเคยได้ทราบว่า การเห็นกับสิ่งที่ถูกเห็นว่าเป็นคนละลักษณะกันนั้น แม้เพียงขั้นการฟังก็ยังไม่เคยฟังเลยครับ เขาไม่รู้เลยว่านี้คือธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ แต่เขามองว่าพวกธัมมะธัมโมไม่เอาอะไรแล้ว เป็นพวกที่แยกตัวจากสังคม และเอาแต่ตัวเองรอดครับ แถมยังแนะนำว่าไปบวชเสียเลย
เคยมีประสบการณ์คล้ายกับคุณ จำแนกไว้ดีจ๊ะ ซึ่งทำให้รู้สึกเป็นทุกข์ใจ ขุ่นเคืองใจพอสมควร แต่ในที่สุดก็นึกได้ว่า คนอื่นคิดอย่างไรนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่เรานั้นคิดอย่างไร... (ถึงการศึกษาและเข้าใจพระธรรม) ครับ
ผมนี้คิดสงเคราะห์ชาวพุทธให้เริ่มเข้าใจเรื่องรูป-นาม แต่ก็หาคำที่ ใช่หรือโดนใจไม่ได้ เช่น เสียง ไม่ใช่ ได้ยิน, ดัง ไมใช่ ได้ยิน , เพราะถ้า "ดัง คือ การได้ยิน" ทำไมคนหูหนวกได้ยินเสียงก็มีคนนำไปคิดแล้วถกเถียงกัน ก็พอได้นิสัยแก่เขาไปบ้างที่จะอธิบายยาว หรือให้หนังสือไปอ่าน เขาไม่สนใจ เพราะถ้า "ดัง คือ การได้ยิน" ทำไมคนหูหนวกไม่ได้ยินเสียง