อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต ดำเนินไปพร้อมกัน หรือไม่
myhome
วันที่ 20 พ.ค. 2549
หมายเลข 1246
อ่าน 2,129
ในพระไตรปิฎกเอง มีหลายแห่งที่มีพุทธทำนายไว้ล่วงหน้าเป็น มหากัปป์บ้าง, อสงไขยบ้าง ทั้งยังระบุถึงชื่อ โคตร (ตระกูล) สถานะได้อีกด้วย หากเป็นเช่นนี้แล้ว จะเป็นเครื่องชี้ได้ไหมว่า มีรูปธรรม+นามธรรม ดำเนินไปพร้อมกันกับ ปัจจุบันธรรม ที่พวกเราเป็นอยู่พระพุทธองค์จึงทรงทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ ถึงขนาด ระบุถึง ชื่อ และโคตรได้
ความคิดเห็นที่ 1
study
วันที่ 21 พ.ค. 2549
กาลของนามธรรมและรูปมี ๓ กาล คือ อดีตกาล ๑ อนาคตกาล ๑ ปัจจุบันกาล ๑
อดีตกาล คือ กาลที่ล่วงไปแล้ว ดับไปแล้ว ผ่านไปแล้ว อนาคตกาล คือ กาลที่ยังมาไม่ถึง ยังไม่เกิดขึ้น จะเกิดขึ้น ปัจจุบันกาล คือ กาลที่กำลังเป็นไป กำลังมีอยู่ ปรากฏอยู่
สำหรับ อนาคตังสญาณ ของพระพุทธองค์ ที่ทำนายเหตุการณ์บุคคลต่างๆ ว่าจะเป็นไปอย่างไร ทรงเห็นเหตุและผลที่จะเกิดขึ้น เป็นการรู้เหตุการณ์ในอนาคตไม่ใช่ดำเนินไปพร้อมกับปัจจุบัน
ความคิดเห็นที่ 2
shumporn.t
วันที่ 21 พ.ค. 2549
ปัจจุบันธรรมคือ รูปธรรมและนามธรรมที่กำลังปรากฏอยู่ในขณะนี้ วันนี้เป็นอนาคตของเมื่อวานนี้ ที่เข้าใจว่าเป็นเราในวันนี้ และเมื่อวานนี้ แท้จริงเป็นการเกิดดับสืบต่อกันของนามธรรมกับรูปธรรมโดยปัจจัยต่างๆ
ความคิดเห็นที่ 4
prapas.p
วันที่ 23 พ.ค. 2549
เรื่องการระลึกได้ในเรื่องราวอนาคตของ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็เป็นปรกติ ของผู้มีปัญญาระดับเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะคิดถึงเรื่องที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงเหมือนสิ่งที่จะเกิดในอนาคตได้อย่างแม่นยํามากมายและลึกซึ้ง เมื่อเราลองคิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงแม้ละเอียดไม่ได้ แต่ก็ยังคิดถึงสิ่งทีจะเกิดในอนาคตได้ถูกต้อง เช่น เมื่อเราทักทายเพื่อนอยู่เป็นประจำ ด้วยคำว่า สวัสดี เขาก็ตอบว่า สวัสดี เราก็รู้ล่วงหน้าได้ ด้วยจิตอกุศลยังคิดได้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรได้ แต่ต้องอาศัยธรรมในปัจจุบันที่เคยเกิดเป็นฐานไตร่ตรองจึงคิดจำไว้ได้ด้วยสัญญาเจตสิก ไม่ต้องกล่าวถึงจิตของพระผู้มีพระภาคในขณะที่เป็นอนาคตังสญาณที่ประกอบด้วย สติ สมาธิ ปัญญาเป็นกิริยาจิตที่ถึงความเป็นพุทธะ