สงครามข้ามภพชาติ
จากการสนทนาธรรมในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา
ประเด็นในการสนทนาเชื่อมโยงจากพระสูตร
เวปจิตติสูตร (พระพุทธเจ้าสรรเสิรญขันติธรรม)
.....................
มีการกล่าวถึงสภาพธรรมทั้งฝ่ายที่ควรเจริญและฝ่ายที่ควรละ
ความอดกลั้น ความอดทน ความสงบเสงี่ยม
(โสรัจจะ = ไม่ล่วงละเมิดทางกาย วาจา ใจ)
ความโกรธ (เป็นประเด็นหลัก) ความกลัว
การตอบโต้และการไม่ตอบโต้
ซึ่งก็เป็นสภาพธรรมที่มีกับทุกบุคคล (แต่ไม่เท่ากัน)
ขึ้นอยู่กับว่าใครเห็นคุณและโทษอย่างไร
อะไรแพ้ อะไรชนะ ชนะอะไร
ที่สำคัญ ชนะใคร?
ชนะผู้อื่น หรือ แพ้ใจตน?
..................
ธรรมทิ้งท้าย ;
โดยท่านอาจารย์และท่านวิทยากร
ที่น้อมใส่ไว้ในใจ
ความโกรธผู้อื่น ไม่มีสาระอะไรเลย
ชนะความโกรธด้วยอะไร อย่างไร
อดทน เพื่อที่จะไม่ให้ผู้อื่นเสียประโยชน์
เห็นโทษของสิ่งที่น่าพอใจ พึ่งสละออกด้วย ปัญญา
อดทน อดกลั้น จนกว่าจะเห็นคุณและโทษของสภาพธัมมะ
ประโยชน์อยู่ที่รู้ว่า อดทน แล้วเป็นธัมมะ
....................
ท่านอาจารย์และอาจารย์ต่างได้บอกเคล็ดลับและอาวุธ
สำหรับศึกสงครามชีวิตนี้
เพื่อชิงไหวชิงพริบ
กับความไม่รู้
(ได้แต่เตือนตัวเองว่า แพ้มากี่ชาติแล้วนะ จะแพ้ต่อไปอีกหรือเปล่า)
เป็นทหารอ่อนซ้อมซะจริง รบกี่ครั้งก็แพ้อยู่ร่ำไป
อดทนพอที่จะค่อยๆ ถูกฝึกในการผ่านด่าน (ในการรู้ลักษณะสภาพธรรม) หรือยังนะ
เพราะไม่รู้ได้เลยว่า ขณะไหนจะไปภพใหม่
.................
พระสุตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบถ เล่ม ๑ ภาค ๒
เชิญคลิกที่นี่
.....................
การฟังธรรมเสมอๆ ย่อมอุปการะ
ขอนอบน้อมต่อคุณพระรัตนตรัย ครูอาจารย์ ผู้มีพระคุณ
กราบอนุโมทนาค่ะ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม ๙ ภาค ๓ - หน้าที่ 608
อนึ่งชื่อว่าขันตินี้ เป็นอาวุธไม่เบียดเบียนคนดี ในเพราะสมบูรณ์
ด้วยคุณสมบัติ เพราะกำจัดความโกรธอันเป็นปฏิปักษ์ต่อคุณธรรมไม่มีส่วน
เหลือ เป็นเครื่องประดับของผู้สามารถครอบงำผู้อื่นได้. เป็นพลสัมปทาของ
สมณพราหมณ์. เป็นสายน้ำกำจัดไฟคือความโกรธ. เป็นเครื่องชี้ถึงความ
เกิดแห่งกิตติศัพท์อันดีงาม. เมื่อเป็นมนต์และยาวิเศษระงับพิษคำพูดของคนชั่ว.
เป็นปกติของผู้มีปัญญายอดเยี่ยมของผู้ตั้งอยู่ในสังวร. เป็นสาครเพราะอาศัย
ความลึกซึ้ง. เป็นฝั่งของมหาสาครคือโทสะ. เป็นบานประตูปิดประตูอบาย.
เป็นบันไดขึ้นสู่เทวโลกและพรหมโลก. เป็นภูมิที่อยู่ของคุณทั้งปวง.
เป็นความบริสุทธิ์ กาย วาจา และใจ อย่างสูงสุด. พึงมนสิการด้วยประการ
ฉะนี้.
ขออนุโมทนา..เชิญคลิกอ่าน...
โทษของอขันติและคุณของขันติ [ปฐมอขันติสูตร]
คนพาลต้องกำราบให้เข็ดด้วยอาชญาอันหนัก ได้ผลหรือไม่ อเมริกาส่งเครื่องบินทำลายล้างเวียดนามด้วยอาชญาอันหนัก ได้ผลหรือไม่ โลกกำลังทำลายกันด้วยอาช-ญาอันหนักได้ผลหรือไม่ ไม่ใช่เป็นหนทางที่แก้ปัญหา อาจจะแก้ได้ระยะสั้นๆ แล้วก็มีแต่จะทำไห้ปัญหาหนักเข้าไปอีก แล้วอย่างไรล่ะที่จะช่วนแก้ปัญหานี้ เวปจิตติสูตร ว่าด้วยพระอินทร์ ไม่ผูกโกรธศัตรูที่แพ้ ด้วยความอดทน และสงบเสงียม ขันติและโสรัจ-จะ จึงเป็นหนทางในการแก้ปัญหานี้ ผู้ที่จะรู้ว่าขันติและโสรัจจะว่าเป็นธรรมแล้วเจริญจนเป็นกำลังจะมีสักกี่คน ผู้ที่ไม่รู้จักธรรมยิ่งไม่รู้จักขันติ ผู้รู้จักก็ใช่ว่าขันติจะมี่กำลังง่ายๆ โลกเราจึงยังเป็นยังงี้ ยังกำราบคนด้วยอาชญาอันหนัก เราผู้เรียนธรรมก็ต้องเจริญขันติที่เป็นเพียงธรรมเกิดแล้วก็ดับ เอาตัวเองรอดไปก่อน ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓-หน้าที่ 447
" พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ, พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี พึงชนะคนตระหนี่ ด้วยการให้ พึงชนะคนพูดเหลวไหล ด้วยคำจริง. "
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อกฺโกเธน ความว่า บุคคลผู้มักโกรธแล พึงเป็นผู้อัน
บุคคลพึงชนะด้วยความไม่โกรธ. ผู้ไม่ดี คือผู้ไม่เจริญเป็นผู้อันบุคคลพึงชนะด้วย
ความดี, ผู้ตระหนี่ คือเหนียวแน่นจัด เป็นผู้อันบุคคลพึงชนะด้วยจิตคิดสละของของ
ตน, คนพูดเหลาะแหละ อันบุคคลพึงชนะด้วยคำจริง
กิเลสก็คงชอบให้เอาน้ำเย็นเข้าลูบเหมือนกันนะคะ
สังเกตได้จาก "...ไม่ชอบเลยเวลามีโทสะ..."
ไม่ชอบ ก็เป็น โทสะ
โทสะ ก็เป็น โทสะ ตรงๆ
โทสะซ้อนโทสะ
คงไม่สามารถใช้โทสะดับโทสะได้
เปรียบเหมือนอาชญาอันหนัก
ใช้มีดพร้าฟันลงไป...คงทำได้แค่ตัดยอด
แต่ไม่อาจถอนราก
กลับกัน...ต้นไม้ใหญ่ใบหนาที่ยืนต้นอยู่ในน้ำเป็นเวลานานมากๆ
วันหนึ่ง จะค่อยๆ ตายไป จากรากจนถึงยอด
เป็นไม้ล้ม ตายสนิทจากในถึงนอก ไม่อาจผลิเป็นต้นใหม่ได้อีกในที่สุด
กิเลสต่างๆ ก็เช่นกัน
หักโหมฟาดฟันเพื่อจะให้ลดคลายหายไปคราวละมากๆ ...ด้วยความต้องการ
...ก็ไม่อาจเป็นไปได้...
แต่ต้องอาศัยเวลาและความอดทนในการค่อยๆ ขัดเกลาทีละนิดละน้อยจริงๆ
ตนเองก็เป็นผู้ได้ฟังมาน้อยนิด และต้องฟังพระสัทธรรมต่อไปอีกนานมาก
นานหลายภพหลายชาติ...ไม่อาจประมาณได้...เช่นกันค่ะ
...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ...
ขออนุโมทนาคุณ opanayigo
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔-หน้าที่ 463
" ผู้ใด ไม่ประทุษร้าย อดกลั้นซึ่งคำด่าและการตีและการจำจองได้ เราเรียกผู้นั้น ซึ่งมีกำลังคือขันติ มีหมู่พลว่า เป็นพราหมณ์."
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงนั้น เป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูลแก่พุทธบริษัทเพื่อความเป็นผู้มีความประพฤติที่ดีงาม ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ประโยชน์สูงสุดเพื่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงการดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาดเป็นผู้ที่ชนะอย่างแท้จริง ด้วยการชนะกิเลสของตนเองที่ได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ การชนะในทางโลก ไม่ใช่การชนะที่แท้จริง การชนะที่แท้จริง คือ การชนะกิเลสของตนเอง โดยต้องเริ่มที่การอบรมเจริญปัญญา ฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง ฝึกตน ด้วยพระธรรม พระธรรมเท่านั้นที่จะเกื้อกูลได้ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
และ ที่สำคัญ.........การใช้ความรุนแรงไม่ใช่วิธีเอาชนะคนพาล.! (ท่านอาจารย์สอนค่ะ) ขออนุโมทนา..สาธุ
บุคคลที่ชนะคนอื่นในสงครามเป็นล้านๆ คน ยังไม่ชื่อว่าเป็นผู้ที่ชนะอย่างแท้จริง แต่
บุคคลใดก็ตามที่ชนะกิเลสของตนได้ บุคคลนั้นชื่อว่าเป็นยอดแห่งงบุคคลผู้ชนะค่ะ