พระสัมพุทธเจ้ามีกิจประจำวัน ๕ อย่าง [กสิสูตร]

 
JANYAPINPARD
วันที่  25 พ.ค. 2552
หมายเลข  12478
อ่าน  3,088

ขอเชิญอ่านข้อความจากอรรถกถากสิสูตร

[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 249

ในที่ที่พระสัมพุทธเจ้าทั้งหลายประทับอยู่ในวิหาร พระสัมพุทธเจ้าเหล่านั้นย่อมมีกิจประจำวัน ๕ อย่าง อะไรบ้าง

กิจในปุเรภัต ๑

กิจในปัจฉาภัต ๑

กิจในปุริมยาม ๑

กิจในมัชฌิมยาม ๑

กิจในปัจฉิมยาม ๑

ใน ๕ อย่างนั้น กิจในปุเรภัต ดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงลุกแต่เช้าทีเดียว ทรงทำบริกรรมพระวรกายมีบ้วนพระโอษฐ์เป็นต้น เพื่ออนุเคราะห์ภิกษุผู้อุปัฏฐาก และเพื่อสำราญพระวรกาย แล้วทรงให้เวลาล่วง ณ เสนาสนะ ที่สงัดจนถึงเวลาเสด็จภิกขาจาร ถึงเวลาเสด็จภิกขาจารก็ทรงนุ่งสบงคาดประคดเอวแล้วทรงห่มจีวร ทรงถือบาตร บางครั้งเสด็จพระองค์เดียว บางคราวแวดล้อมไปด้วยภิกษุสงฆ์ เสด็จเข้าไปยังคามหรือนิคมเพื่อบิณฑบาต บางครั้งก็เสด็จเข้าไปตามปกติ บางครั้งก็มีปาฏิหาริย์หลายอย่างเป็นไปอยู่ คือ เมื่อพระโลกนาถเสด็จเที่ยวบิณฑบาต ลมอ่อนพัดชำระแผ่นดินให้สะอาดไปข้างหน้า เมฆฝนหลั่งน้ำลงเป็นหยดๆ ให้ละอองในหนทางเรียบราบกั้นเป็นเพดานอยู่เบื้องบน ลมอีกอย่างพัดเอาดอกไม้มาเบื้องบนเกลี่ยลงในหนทาง ภูมิประเทศที่สูงขึ้นก็ต่ำลง ภูมิประเทศที่ต่ำลงก็สูงขึ้น ในสมัยทอดพระบาทลง พื้นแผ่นดินย่อมเรียบเสมอ ดอกปทุม ที่เป็นสุขสัมผัส ย่อมรับพระบาท พอพระองค์วางพระบาทขวาภายในเสาเขื่อนรัศมีมีพรรณ ๖ สร้านออกจากพระสรีระ กระทำเรือนยอดปราสาท ให้มีสี่เหลี่อมพรายด้วยน้ำทอง และให้เป็นเหมือนแวดล้อมด้วยแผ่นผ้าอันวิจิตรสร้านไปข้างโน้นข้างนี้ ช้าง ม้าและวิหคเป็นต้นยืนอยู่ในที่ของตนๆ ส่งเสียงด้วยอาการอันไพเราะ ดนตรีมีกลองและพิณเป็นต้น และอาภรณ์ที่สวมกายพวกมนุษย์อยู่ ก็เป็นอย่างนั้น ด้วยสัญญาณนั้น พวกมนุษย์ย่อมรู้กันว่าวันนี้พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จเข้ามาบิณฑบาตในที่นี้ พวกเขานุ่งห่มเรียบร้อยถือของหอมและดอกไม้เป็นต้น ออกจากเรือนเดินไประหว่างถนน บูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยดอกไม้เป็นต้นโดยเคารพ ถวายบังคมแล้ว ทูลขอว่าพระเจ้าข้า ขอพระองค์โปรดประทานภิกษุแก่พวกข้าพระองค์ ๑๐ รูป แก่พวกข้าพระองค์ ๒๐ รูป แก่พวกข้าพระองค์ ๑๐๐ รูป พระเจ้าข้า รับบาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วให้ปูลาดอาสนะ ต้อนรับด้วยบิณฑบาตโดยเคารพ พระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยพระกระยาหารเสร็จแล้วทรงตรวจดูสันดานของมนุษย์เหล่านั้นแล้วทรงแสดงธรรมอย่างนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุเคราะห์มหาชน โดยประการที่ชนบางพวกดำรงอยู่ในสรณคมน์ บางพวกดำรงอยู่ในศีล ๕ บางพวกดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล สกทาคามิผลและอนาคามิผลอย่างใดอย่างหนึ่ง บางพวกบวชแล้วดำรงอยู่ในอรหัตซึ่งเป็นผลอันเลิศ ทรงลุกจากอาสนะ เสด็จไปพระวิหาร ประทับนั่งเหนือบวรพุทธอาสน์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 25 พ.ค. 2552

[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 250

ที่ปูลาดไว้ในโรงกลมใกล้พระคันธกุฎี ทรงรอคอยให้ภิกษุทั้งหลายฉันเสร็จ ต่อแต่นั้น เมื่อภิกษุทั้งหลายฉันเสร็จ ภิกษุผู้อุปัฏฐากก็กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าให้ทรงทราบ

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าพระคันธกุฎี นี้เป็นกิจในปุเรภัตเป็นอันคับแรก ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกระทำกิจในปุเรภัตอย่างนี้แล้วประทับนั่งในที่บำรุงที่พระคันธกุฎี ทรงให้ทาพระบาทแล้วประทับยืนบนตั่งรองพระบาท ทรงโอวาทภิกษุสงฆ์ว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด การอุบัติแห่งพระพุทธเจ้าหาได้ยากในโลก การได้อัตภาพเป็นมนุษย์หาได้ยาก การถึงพร้อมด้วยศรัทธาหาได้ยาก การบรรพชาหาได้ยาก การฟังพระสัทธรรมหาได้ยาก ดังนี้.

ในที่นั้น บางพวก ทูลถามกัมมัฏฐานกะพระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทานกัมมัฏฐานอันเหมาะสมแก่จริยาของภิกษุเหล่านั้น แต่นั้นภิกษุทั้งหมดถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ไปยังที่พักกลางคืนและที่พักกลางวันของตนๆ บางพวกไปสู่ป่า บางพวกไปสู่โคนไม้ บางพวกไปสู่ภูเขาเป็นต้นแห่งใดแห่งหนึ่ง บางพวกไปสู่ภพชั้นจาตุมหาราชิกา บางพวกไปสู่ภพชั้นวสวัตตี ดังนี้แล

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าพระคันธกุฎี ถ้าพระองค์มีพระพุทธประสงค์ ทรงมีพระสติสัมปชัญญะ สำเร็จสีหไสยาสน์ครู่หนึ่งโดยพระปรัศว์เบื้องขวา ลำดับนั้น พระองค์ทรงมีพระวรกายกระปรี้กระเปร่า ทรงลุกขึ้นตรวจดูโลกในภาคที่ ๒ ในภาคที่ ๓ ในบ้านหรือนิคมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าไปอาศัยประทับอยู่ ในปุเรภัต มหาชนถวายทาน ในปัจฉาภัต เขานุ่งห่มเรียบร้อยถือของหอมและดอกไม้เป็นต้น ประชุมกันในวิหาร

ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปด้วยปาฏิหาริย์อันเหมาะสมแก่บริษัทที่ประชุมกัน ประทับนั่งเหนือบวรพุทธาอาสน์ที่เขาปูลาดไว้ในธรรมสภาแสดงธรรม นี้ สมควรแก่กาล สมควรแก่สมัย ครั้นทรงทราบเวลาจึงทรงส่งบริษัทไป มนุษย์ทั้งหลายพากันถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วหลีกไป นี้เป็นกิจในปัจฉาภัต

ครั้นพระองค์เสร็จกิจในปัจฉาภัตอย่างนี้แล้ว ถ้ามีพระประสงค์จะโสรจสรงพระวรกาย ทรงลุกจากพุทธอาสน์ เสด็จเข้าซุ้มเป็นที่สรง ทำพระวรกายให้เหมาะกับฤดูกาลด้วยน้ำที่อุปัฏฐากจัดถวาย ฝ่ายอุปัฎฐาก ได้นำพุทธอาสน์มาปูไว้ในบริเวณพระคันธุฎี พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงนุ่งผ้าที่ย้อมแล้ว ๒ ชั้น คาดประคดเอว ทำเฉวียงบ่าเสด็จมาประทับนั่ง ณ ที่นั้น เร้นอยู่ครู่หนึ่งแต่พระองค์เดียว.

ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายมาจากที่นั้นๆ ไปยังที่อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้า บรรดาภิกษุเหล่านั้น บางพวกถามปัญหา บางพวกขอกัมมัฏฐาน บางพวกขอฟังธรรม พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำความประสงค์ของภิกษุเหล่านั้นให้สำเร็จ ให้ปุริมยามล่วงไป นี้ เป็นกิจในปุริมยาม ก็ในเวลาที่กิจในปุริมยามสิ้นสุดลง เมื่อภิกษุทั้งหลายถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วหลีกไป เหล่าเทวดาในหมื่นโลกธาตุทั้งสิ้นได้โอกาสเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถามปัญหาตามที่แต่งขึ้น โดยที่สุดถามถึงอักขระทั้ง ๔ พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงแก้ปัญหาของเทวดาเหล่านั้น ก็ให้มัชฌิมยามล่วงไป นี้ เป็นกิจในมัชฌิมยาม

ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแบ่งปัจฉิมยามออกเป็น ๓ ส่วนแล้ว

ทรงให้ส่วนหนึ่งล่วงไปด้วยการจงกรม เพื่อจะทรงปลดเปลื้องความบอบช้ำแห่งพระวรกาย ซึ่งถูกการนั่งจำเดิมแต่ปุเรภัตบีบคั้น

ในส่วนที ๒ พระองค์เสด็จเข้าไปยังพระคันธกุฏี ทรงมีพระสติสัมปชัญญะ สำเร็จสีหไสยาสน์โดยพระปรัศว์เบื้องขวา

ในส่วนที่ ๓ พระองค์เสด็จลุกขึ้นประทับนั่ง ตรวจดูสัตว์โลก ด้วยพุทธจักษุ เพื่อทรงเห็นบุคคลผู้ที่ได้สร้างบุญญาธิการไว้ โดยคุณมีทานและศีลเป็นต้น ในสำนักแห่งพระพุทธเจ้าในปางก่อนทั้งหลาย นี้เป็นกิจในปัจฉิมยาม

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pamali
วันที่ 29 ก.ค. 2553

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เข้าใจ
วันที่ 6 ก.พ. 2556

ขอบพระคุณ และขอกราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 1 ม.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ