ยักษ์ถือกระบองเหล็กใหญ่ [อยกูฏชาดก]

 
JANYAPINPARD
วันที่  25 พ.ค. 2552
หมายเลข  12480
อ่าน  2,883

[เล่มที่ 58] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔- หน้าที่ 688

๗. อยกูฏชาดก

ว่าด้วยยักษ์ถือกระบองเหล็กใหญ่

[๖๘๖] ท่านผู้ใด ยืนถือพะเนินเหล็กอันใหญ่ โตเหลือขนาดอยู่บนอากาศ ท่านผู้นั้นมาสถิต อยู่เพื่อจะคุ้มครองข้าพเจ้าในวันนี้หรือ หรือจะพยายามมาฆ่าข้าพเจ้า

[๖๘๗] ดูก่อนพระราชา เราเป็นทูตของพวกยักษ์ ถูกพวกยักษ์เหล่านั้นส่งมาที่นี้ เพื่อจะปลงพระชนม์พระองค์ แต่ท้าวสักกรินทร์ เทวราชคุ้มครองพระองค์อยู่ เพราะเหตุนั้น เราจึงผ่าพระเศียรของพระองค์ไม่ได้.

[๖๘๘] ก็ถ้าท้าวมัฆวาฬเทวราช ผู้เป็นจอม ทวยเทพ พระสวามีของนางสุชาดา คุ้มครอง ข้าพเจ้าอยู่ ผู้ฉะนั้นพวกปีศาจก็คงคุกคาม เหล่าสัตว์ทั้งหลายเป็นแน่ ข้าพเจ้าไม่ได้สะดุ้งกลัวต่อพวกยักษ์เลย.

[๖๘๙] พวกภุมภัณฑ์และพวกปีศาจทั้งมวลจะ คร่ำครวญกันไปก็ตามเถิด พวกมันคงไม่อาจ จะต่อยุทธกับข้าพเจ้า กิริยาที่หลอกหลอนของพวกยักษ์ซึ่งทำให้น่ากลัวต่างๆ นั้น มีอยู่เป็นอันมาก แต่ข้าพเจ้าก็ไม่กลัว

จบ อยกูฏชาดกที่ ๗

อรรถกถาอยกูฏชาดกที่ ๗

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภการประพฤติประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลก จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า สพฺพายส กูฏ ดังนี้ เรื่องปัจจุบันจักมีแจ้งในมหากัณหชาดก ส่วนเรื่องในอดีตมีดังต่อไปนี้ :-

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร พาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในพระครรภ์ของพระอัครมเหสีของ พระเจ้าพรหมทัตนั้น เจริญวัยแล้ว เรียนศิลปศาสตร์ได้แล้ว เมื่อพระราชบิดาสวรรคตแล้ว ได้ดำรงอยู่ในราชสมบัติ ทรงครองราชย์โดยธรรม. ในครั้งนั้น คนทั้งหลายเป็นผู้ถือเทวดาเป็นมงคล พากันฆ่าแพะเป็นต้นมากมาย กระทำพลีกรรมแก่เทวดาทั้งหลาย. พระโพธิสัตว์ให้เที่ยวตีกลองประกาศว่า ไม่ควรฆ่าสัตว์มีชีวิต ยักษ์ทั้งหลาย เมื่อไม่ได้พลีกรรมจึงโกรธพระโพธิสัตว์ ได้ไปยังสมาคมยักษ์ในหิมวันประเทศ ให้ส่งยักษ์ตนหนึ่งผู้หยาบช้าไป เพื่อต้องการฆ่าพระโพธิสัตว์ ยักษ์นั้นถือพะเนินเหล็กร้อนอันใหญ่ประมาณเท่าช่อฟ้ามา ด้วยตั้งใจว่า จักประหารพระโพธิสัตว์นั้นด้วยพะเนินเหล็กนี้ให้ตาย จึงได้ยืนอยู่ที่หัวนอนพระโพธิสัตว์ ในระหว่างมัชฌิมยาม ขณะนั้น อาสนะของท้าวสักกะแสดงอาการร้อน ท้าวเธอทรงรำพึงอยู่ ได้ทรงทราบเหตุนั้น จึงทรงถืออินทวชิราวุธเสด็จไป แล้วได้ประทับยืน เบื้องบนยักษ์ พระโพธิสัตว์ได้เห็นยักษ์แล้วคิดว่า ยักษ์นี้ยืนอารักขาเรา หรือว่ายืนประสงค์จะฆ่าเรา เมื่อจะเจรจากับยักษ์นั้นจึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-

ท่านผู้ใดยืนถือพะเนินเหล็กล้วนอัน ใหญ่โตเหลือขนาดอยู่ในอากาศ ท่านผู้นั้นมา จัดแจงเพื่อจะคุ้มครองเราในวันนี้หรือ หรือ ว่าจะพยายามฆ่าเรา.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วิหิโตนุสชฺช ตัดบทเป็น วิหิโตนุสิ อชฺช. ก็พระโพธิสัตว์ เห็นแต่ยักษ์เท่านั้นไม่เห็นท้าวสักกะ ยักษ์ ไม่อาจประหารพระโพธิสัตว์เพราะกลัวท้าวสักกะ ยักษ์นั้นได้ฟังถ้อยคำของพระโพธิสัตว์ จึงกล่าวว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า ข้าพเจ้ามิได้ยืนคุ้มครองท่าน แต่ข้าพเจ้ามาด้วยหวังใจว่า จักเอาพะเนินเหล็กอันโชติช่วงนี้ประหาร ทำท่านให้ตาย ข้าพเจ้าไม่อาจประหาร เพราะกลัวท้าวสักกะ เมื่อจะแสดงเนื้อความนี้ จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-

ดูก่อนพระราชา ข้าพเจ้าเป็นทูตของพวกยักษ์ ถูกพวกยักษ์เหล่านั้นส่งมาที่นี้ เพื่อฆ่าพระองค์ แต่พระอินทร์เทวราชคุ้ม ครองพระองค์อยู่ เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าจึง ผ่าพระเศียรของพระองค์ไม่ได้. พระโพธิสัตว์ได้ฟังดังนั้นจึงกล่าว ๒ คาถานอกนี้ว่า :- ถ้าท้าวมัฆวาฬเทวราชผู้เป็นจอมเทพ พระสวามีของนางสุชาดา คุ้มครองข้าพเจ้าอยู่ มิฉะนั้น พวกปีศาจคงจะคุกคามสัตว์ทั้งหลายเป็นแน่ แต่ข้าพเจ้าไม่ได้สะดุ้งกลัวต่อพวกยักษ์เลย

พวกกุมภัณฑ์และพวกปีศาจทั้งมวล จะคร่ำครวญกันไปก็ตามเถิด พวกปีศาจไม่อาจ ต่อยุทธ์กับข้าพเจ้า กิริยาที่หลอกหลอนพวก ยักษ์ซึ่งทำให้น่ากลัวต่างๆ นั้น มีอยู่เป็นอันมาก แต่ข้าพเจ้าก็ไม่กลัว

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า รกฺขสิยา ปชาย ความว่า เหล่าสัตว์คือรากษส ได้แก่ พวกสัตว์ที่เป็นรากษส

บทว่า กุมฺภณฺฑา ได้แก่ พวกยักษ์ท้องพลุ้ย มีอัณฑะเท่าหม้อ.

บทว่า ปสุปิสาจกา ได้แก่ พวกปีศาจในที่ทิ้งหยากเยื่อ.

บทว่า นาล ความว่า ขึ้นชื่อว่า พวกปีศาจไม่สามารถจะต่อยุทธกับข้าพเจ้า.

บทว่า มหตี สา วิเภสิกา ความว่า ก็ยักษ์เหล่านี้ประชุมกันแสดงกิริยาน่ากลัวต่างๆ อันใด กิริยาที่น่ากลัวต่างๆ อันนั้นถึงจะมากมาย ก็เป็นเพียงแสดงอาการ น่ากลัวแก่เราเท่านั้น แต่เราหากลัวไม่

ท้าวสักกะทรงขับยักษ์ให้หนีไป โอวาทพระมหาสัตว์แล้วตรัส ว่า ดูก่อนมหาราช พระองค์อย่าได้ทรงกลัวเลย จำเดิมแต่นี้ไป การคุ้มครองพระองค์ เป็นหน้าที่ของข้าพเจ้า แล้วเสด็จสู่สถานที่ของพระองค์ทีเดียว

พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า ท้าวสักกะในครั้งนั้น ได้เป็นพระอนุรุทธะ ส่วนพระเจ้าพาราณสี ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล

จบ อรรถกถาอยกูฏชาดกที่ ๗


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 2 ม.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ