จดหมายฉบับสำคัญที่ทำให้เกิดสถานที่ตั้งอาคาร มศพ.
จากการบรรยายแนวทางวิปัสสนาครั้งที่ ๓๒๓ มีว่า
ขออ่านจดหมายอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งเป็นความคิดเห็น และเป็นชีวิตของท่านผู้ฟังท่านหนึ่ง ท่านเขียนมาจาก
บ้านเลขที่ ๕๙๐ ซอยตากสิน ๘
ถนนเจริญนคร บุคคโล กรุงเทพมหานคร
๑๓ มีนาคม ๒๕๑๖
กราบเรียนท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพ
ความจริงดิฉันได้ศึกษาแนวทางปฏิบัติกับท่านอาจารย์เป็นประจำ แต่ยังนับว่าเป็นนักเรียนใหม่อยู่ เพราะเริ่มมาเรียนได้ ๓ – ๔ เดือนเท่านั้น แม้ว่าจะได้รับฟังการบรรยายมาก่อนหน้านี้ก็ตาม ดิฉันขอยอมรับว่า เพิ่งจะเริ่มเข้าใจแนวการสอนของท่านอาจารย์ ทั้งนี้ก็คงเป็นด้วยที่ไม่ได้อบรมสติปัญญาในอดีตมาเพียงพอ อีกประการหนึ่งในวัยเด็กจนเติบใหญ่ ดิฉันห่างไกลกับวัดและธรรมมาก ใช้เวลาร่วม ๑๓ ปี ในโรงเรียนประจำของพวกมิชชันนารี และเมื่อจบการศึกษาจากโรงเรียน ก็ให้ความสนใจแต่การศึกษาทางโลก ดิฉันเริ่มสนใจและศึกษาพระพุทธศาสนาก็เมื่ออายุ ๒๕ ปีแล้ว และในขณะนั้นศึกษาอยู่ในประเทศอังกฤษ จึงต้องอาศัยตำรับตำราที่ชาวพุทธตะวันตกเขียนขึ้น ซึ่งบางท่านก็นำเอาอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์มาแทรกไว้ บางท่านก็เป็นชาวพุทธนิกายเซนของญี่ปุ่น และบางท่านก็แทรกเอาทัศนะของตนเองไว้ แต่ก็มีหลายท่านที่ได้จำกัดขอบเขตหัวข้อให้ตรงตามพุทธวัจนะ
อย่างไรก็ตาม กว่าดิฉันจะสามารถวิเคราะห์แยกได้ว่า ธรรมข้อใดเป็นพุทธวัจนะธรรมใดเป็นเนื้องอก และธรรมใดที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในพุทธศาสนาเลย ก็ใช้เวลาอยู่หลายปี และก็ในประเทศไทยนี้เอง ธรรมที่สอนกันอยู่ก็แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะในด้านปฏิบัติ อันเป็นเหตุให้ผู้ใคร่ในธรรม แต่ยังด้อยด้วยปัญญา พากันสับสนวุ่นวายดิฉันเองได้ผ่านการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานในสำนักต่างๆ หลายแห่งด้วยกัน แต่ละสำนักก็มีข้อปฏิบัติแตกต่างกัน ดิฉันจึงไม่ทราบว่า การปฏิบัติสำนักใดถูกต้องตามพุทธวัจนะ แต่ทราบอยู่ข้อหนึ่งว่า การปฏิบัติบางแห่งนั้น แทนที่จะเป็นวิปัสสนา กลับเป็นสมาธิ จนกระทั่งได้มีโอกาสฟังการบรรยายทางวิทยุของท่านอาจารย์โดยบังเอิญ ในรายการตอนเช้าวันหนึ่ง เมื่อประมาณ ๖ – ๗ เดือนก่อน และในเวลาใกล้ๆ กันนั้น ดิฉันได้รับหนังสือ “Buddhist Outlook on Daily Life” โดย Nina Van Gorkom จากคำนำในหนังสือ ดิฉันทราบว่า ผู้เขียนได้รับคำแนะนำจากท่านอาจารย์ การที่ผู้เขียนได้เขียนถึงวิธีนำธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวันนั้น เป็นที่สนใจแก่ดิฉันและเพื่อนชาวต่างประเทศมาก
พระพุทธศาสนามีประโยชน์ต่อเวไนยสัตว์ก็ตรงนี้เอง การที่ท่านอาจารย์เน้นหนักการบรรยายธรรมในข้อนี้ นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ นับเป็นประโยชน์ที่สุด ดิฉันใคร่ขอกราบเรียนเพิ่มเติมว่า ดิฉันจับใจในข้อความที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวไว้ในการบรรยายธรรมเมื่อ ๓ – ๔ สัปดาห์ก่อนนี้ว่า “ความรู้สึกหวั่นไหวก็ดี ความโกรธ ความกลัว ความรักก็ดี ย่อมเกิดขึ้นเมื่อมีเหตุปัจจัย จะบังคับบัญชาให้เกิดหรือไม่ให้เกิดก็ไม่ได้ เพราะสภาวธรรมเหล่านี้เป็นอนัตตาทำไมเราถึงต้องทำจิตให้สงบ หรือแสวงหาสถานที่ที่ทำจิตสงบ การรู้ การเห็นสภาวธรรม ตามความเป็นจริงว่า เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จะทำให้จิตสงบขึ้นทีละน้อย ก็ขอให้ท่านผู้ฟังเลือกเองว่า จะรู้สภาวธรรมตามความเป็นจริงเสียก่อน แล้วปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น จิตมีความสงบขึ้นภายหลัง หรือท่านจะเลือกวิธีทำจิตให้สงบ แต่ปัญญาไม่เกิดที่จะเห็นสภาวธรรมตามความเป็นจริง”
ขอประทานอภัยที่ดิฉันไม่สามารถจดจำถ้อยคำของท่านอาจารย์ได้ จึงต้องใช้สำนวนของตนเอง ซึ่งค่อนข้างจะเยิ่นเย่ออยู่สักหน่อย อย่างไรก็ตาม ถ้อยคำดังกล่าวเป็นความจริงแท้ ก็เมื่อโลกปรากฏแก่เราในปัจจุบัน เราก็จะต้องเผชิญกับสภาวธรรมที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง เหตุที่ดิฉันจดหมายมาครั้งนี้ ก็ไม่ได้มีวัตถุประสงค์จะเรียนถามปัญหาแต่ประการใด แต่เพื่อกราบเรียนให้ทราบถึงความรู้สึกกตัญญู ที่ท่านอาจารย์ได้เสียสละเวลามาแสดงธรรม เป็นการเกื้อกูลแก่เพื่อนมนุษย์ ซึ่งดิฉันแน่ใจว่า ผู้ฟังประจำหรือทางวิทยุก็ดีย่อมมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน และใคร่ถือโอกาสกราบเรียนว่า ดิฉันจะปีติปราโมทย์อย่างยิ่ง หากดิฉันมีโอกาสรับใช้ท่านอาจารย์ในกิจการเผยแพร่ธรรม ทั้งนี้เพื่อร่วมกิจการอันเป็นบุญกุศล และเป็นการสนองคุณท่านอาจารย์ที่กรุณาเผยแพร่ธรรมอันเป็นมรดกอันล้ำค่าแก่พวกเรา ดิฉันพอจะทำหน้าที่พนักงานพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษ แปลไทยอังกฤษและตอบรับจดหมายได้ แต่งานประจำวันของดิฉัน คือ สอนหนังสือค่ะ
ขอแสดงความเคารพอย่างสูง
เป็นจดหมายที่อาจารย์ดวงเดือนเขียนถึงท่านอาจารย์ จะเห็นการสะสมของกุศลจากน้อยไปถึงสามารถบริจาคที่ดินเพื่อสร้างอาคารมูลนิธิฯ ได้ เมื่อกุศลนั้นประกอบด้วยปัญญาที่เริ่มต้นจากการได้ฟังพระธรรมและมีความเห็นถูก ขอกราบอนุโมทนาคุณแม่ปาหนัน และอาจารย์ดวงเดือน บารมีธรรม ที่บริจาคที่ดินเป็นที่ก่อสร้างอาคารมูลนิธิฯและเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่ธรรมอันเป็นมรดกอันล้ำค่าตลอดมาค่ะ
กราบมาด้วยความเคารพ
ธรรมทาน ชนะ ทานทั้งปวง
รสแห่งธรรม ชนะ รสทั้งปวง
ความยินดีในธรรม ชนะ ความยินดีทั้งปวง
ความสิ้นตัณหา ชนะ ทุกข์ทั้งปวง
สาธุ
[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 448
๖. สตาปารัทธสูตร ๑ ว่าด้วยสัตว์คบค้าสมาคมกันโดยธาตุ
... ...
[๓๗๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับ สัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ... .
[๓๗๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลายน้ำนมสดกับน้ำมันสดย่อมเข้ากันได้ร่วมกันได้ น้ำมันกับน้ำมันย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ เนยใสกับเนยใสย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ น้ำผึ้งกับน้ำผึ้งย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ ...
คนเกาะท่อนไม้เล็กๆ พึงจมลงในห้วงมหรรณพ ฉันใด แม้สาธุชนก็ย่อมจมลง เพราะอาศัยคนเกียจคร้าน ฉันนั้น เพราะฉะนั้น พึงเว้นคนเกียจคร้าน มีความเพียรเลวนั้นเสีย
พึงอยู่ร่วมกับบัณฑิตผู้สงัด ผู้เป็นอริยะ ผู้มีใจสูง ผู้เพ่งพินิจ ผู้ปรารภความเพียร เป็นนิตย์.
ขอพระสัทธรรมอันงดงาม บังเกิดแต่ดอกบัว คือพระโอษฐ์ของพระสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ ทำให้ใจของท่านเบิกบาน
ความระลึกในพระคุณของท่าน
ปัจจุบันอาจารย์ดวงเดือน ท่านดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา และเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่พระธรรม บริจาคทรัพย์
สนับสนุนแก่ มศพ.อยู่เป็นประจำ ทุกวันอาทิตย์ท่านเปิดบ้านเลี้ยงอาหารแก่ผู้ที่มา
ฟังพระธรรมเป็นประจำโดยไม่ขาด
กราบขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาอาจารย์ดวงเดือน ทีให้สถานที่ฟังธรรม แสดงธรรม และมีโอกาสได้เจริญ
กุศลหลายอย่างรวมถึงปัญญาไว้เป็นเสบียงในชาติต่อๆ ไป ขอขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
ในความรู้สึกเมื่ออ่านจดหมายฉบับนี้จบยิ่งทำให้นึกถึง คำว่ากตัญญูกตเวที ซึ่งเป็น
บุญกุศลที่พวกเราชาวพุทธต้องสำเหนียกไว้ในใจเสมอ ก็ขอกราบเท้าอนุโมทนาท่าน
อาจารย์ดวงเดือน บารมีธรรม ที่ทำให้ตนเองได้ฉุกคิดว่าความรู้สึกหวั่นไหว ความโกรธ
ความกลัว ความรักก็ดี ย่อมเกิดขึ้นเมื่อมีเหตุปัจจัย จะบังคับบัญชาให้เกิดหรือไม่ให้เกิด
ขึ้นก็ไม่ได้ และขอกราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่ได้เสียสละเวลา
แสดงธรรมเกื้อกูลแก่เพื่อนมนุษย์ พุทธศาสนามีประโยชน์แก่เวไนยสัตว์ก็ตรงนี้เองที่
ท่านอาจารย์พร่ำสอนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เกี่ยวกับควรรู้สภาวธรรมตามความเป็นจริง